จดหมายของ น.ส.สรารัตน์ ขำสุวรรณ และ น.ส.ปภัสรา ใจเอื้อย บอกว่าเป็นผู้เสียหายในคดี ถูกฉ้อโกงให้ร่วมลงทุนซื้อขายทองคำ มูลค่าความเสียหายหลาย 10 ล้านบาทมีผู้เสียหายประมาณ 20 ราย รวมตัวกันไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท.ต่อมาประมาณเดือนเมษายน ตำรวจ บก.ปอท.บอกผู้เสียหายว่า มีการโอนสำนวนคดีทั้งหมดไปที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ.ผู้เสียหายพยายามสอบถามความคืบหน้าของคดี แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าไม่เคยได้รับการรายงานความคืบหน้าของคดีจากพนักงานสอบสวนจึงร้องขอความช่วยเหลือมายังสื่อช่วยเป็นสื่อกลางส่งข้อมูลไปยังผู้รับผิดชอบมาช่วยเหลือเพราะเดือดร้อนมากหากคดีล่าช้าเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี รวมไปถึงจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สิน เพื่อหนีการบังคับคดีจนหมดจน พ.ต.อ.สมชาย จันทร์คง ผกก.5 บก.ปอศ. ทราบถึงเรื่องราวความเดือดร้อน ที่มีผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนหลายคน เนื่องจากคนร้ายมีการกระทำเป็นรูปแบบขบวนการ มีคนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงอีกมากจึงได้ประสานให้ผู้เสียหาย ทั้งหมดไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ บก.ปอศ.เร่งรัดการทำงานของพนักงานสอบสวน รวมไปถึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ขวัญชัย ทองศักดิ์ รอง ผกก. (สอบสวน) กก.5 บก.ปอศ. มาดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิดเนื่องจากเห็นว่าคดีนี้มีผู้เสียหายหลายคนกำลังเดือดร้อนสั่งให้แก้ไขปัญหาเรื่องคดีคนที่ร้องบอกว่า ตั้งแต่ พ.ต.อ.สมชายเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ลงมากำกับดูแลเร่งรัดคดีด้วยตัวเองทำให้ภูมิใจที่มีโอกาสได้พบกับ “นายตำรวจน้ำดี” อีกคนหนึ่งยังชื่นชอบคำพูดของ ผกก.5 บก.ปอศ.ที่ว่า“ผู้เสียหายแม้จะถูกโกงเพียงแค่บาทเดียวก็คือผู้เสียหาย ย่อมต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”วันนั้นผู้ร้องและผู้เสียหายรายอื่นๆกลับบ้านไปพร้อมกับความหวังอีกครั้งหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในเร็วๆวันอย่าปล่อยให้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th