คดีตำรวจ 191 นำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. บุกรวบแก๊งทหาร ตำรวจ พลเรือน และชาวสิงคโปร์ตัวแสบ
คนคอยหาเหยื่อชี้เป้ารวม 8 คน จากที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับไว้ 10 คนเป็นข่าวฮือฮาพอสมควร
เพราะ “นายใหญ่” ที่กลุ่มผู้ต้องหาพาเหยื่อนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ไปพบ เป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ยศ “พลตรี” คือ พล.ต.จรูญ อำภา ผอ.สปก.ศปร.
ส่วนหัวโจกที่พาลูกน้องเข้าไปลุยอุ้มเค้าถึงบริษัท คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด พื้นที่ สน.โคกคราม คือ พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา สว. (สอบสวน) กก.5 บก.ปอศ. ถือว่าเป็นนายตำรวจ
อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง รู้มาว่าเหยื่อใช้บัตรประชาชนไทยปลอม
ต้องการเงินเคลียร์ปัญหาถึง 20 ล้านบาท! เรียกว่าทำทีเดียวกะว่ารวยกันไปทั้งก๊วน...
แต่เหยื่อเคี่ยวพอ ต่อรองลดเงินค่าปล่อยตัวเหลือ 2 ล้านบาท แบ่งเป็นจ่ายทันที 1 ล้าน และโอนเข้าบัญชีอีก 1 ล้าน จนกลายเป็นหลักฐานสำคัญให้ตำรวจเอามาออกหมายจับแก๊งอุ้มรีดทรัพย์แก๊งนี้ได้เกือบครบแล้ว?!?
เรื่องราวทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่ได้รับไฟเขียวอื๋อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
และความใจถึงของ “ผู้การโจ๊ก” ที่เห็นทำงานลุยถั่วไปแทบทุกเรื่อง?
แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่โดนใจอยากให้ทำต่อไป เพราะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่ากลุ่มคนมีสีบางกลุ่มยึดอาชีพหากินกับคนที่อยู่ในกลุ่มสีขาวก็ไม่ใช่สีดำก็ไม่เชิง ออกสีเทาปะหลับปะเหลือกอย่างนี้แหละ
เหยื่อที่ถูกรีดทรัพย์ส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาโวยวาย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองก็ไม่ได้ใสสะอาดนัก...
บ้านเราเมืองเราเลยดูเหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพล!
ไหนๆก็ปฏิวัติมาจัดระเบียบกันแล้ว ถือโอกาสสังคายนาเรื่องนี้ให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุด ใครแหลมกล้าทำผิดกฎหมายก็จับดำเนินคดีไป เชื่อว่าน่าจะเข็ดขยาดกันบ้าง?
...
ถ้าตำรวจคนอื่นปอด ก็ไม่ต้องใช้ใครหรอก “เดอะโจ๊ก” นี่แหละ... ไหนๆก็ได้ชื่อว่าเส้นใหญ่นักใหญ่หนา เอามาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ปัดกวาดบ้านให้สะอาด
รับรองจะเป็นใหญ่เป็นโตขนาดไหนก็ไม่มีใครว่า?
สหบาท