การส่งหนังสือแจ้งอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ลอตแรกไปยังประเทศคู่ค้า 14 ประเทศ แบบ copy-paste เปลี่ยนแค่ชื่อประเทศและผู้นำ กับตัวเลขภาษี เป็นเรื่องใหญ่ที่ทั่วโลกจับตาให้ความสำคัญหลายชาติวิ่งวุ่นเสนอดีลที่คิดว่าดีที่สุดหวังชนะใจผู้นำสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษี ทำการค้าต่อไปขณะที่ The Budget Lab (TBL) ห้องปฏิบัติการวิจัยด้านงบประมาณของมหาวิทยาลัยเยล ในรัฐคอนเนกติกัตได้ประเมินผลกระทบจากภาษีดังกล่าวที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่มีผลต่อชีวิตประจำวันชาวอเมริกันทั่วไปTBL ชี้ว่า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆไป ในปี 2569 จะเพิ่มขึ้น 1.7% ในระยะสั้น หรือพูดให้เห็นภาพชัดเจนคือ ชาวอเมริกันจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นในปีหน้าเฉลี่ยต่อครัวเรือนราว 2,300 ดอลลาร์หรือประมาณ 75,164 บาท แต่หลังจากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของผู้คน ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.5% ในระยะยาว หรือเท่ากับว่า ต้องเสียเงินประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อครัวเรือน (ประมาณ 62,000 บาท)ขณะที่สินค้า กลุ่มเสื้อผ้าและสิ่งทอ ซึ่งสหรัฐฯนำเข้าจากจีน เวียดนาม รวมทั้งบังกลาเทศเป็นหลัก TBL ประเมินว่า ในระยะสั้น ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องเผชิญกับราคารองเท้าที่พุ่งสูงขึ้น 37% ราคาเครื่องแต่งกายเพิ่มขึ้น 35% ส่วนในระยะยาวราคาสินค้าเหล่านี้จะสูงขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 18% และ 17% ตามลำดับส่วนราคา อาหาร คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% ในระยะสั้นและยังคงสูงขึ้น 2.6% ในระยะยาว สินค้ากลุ่มผลไม้และผักสดจะมีราคาแพงขึ้นในช่วงแรกเฉลี่ย 5.9% และจากนั้นจะทรงตัวอยู่ที่ 3.4%TBL ยังคาดว่าราคา รถยนต์ จะเพิ่มขึ้น 13.5% ในระยะสั้น และอยู่ที่ 10.6% ในระยะยาว หมายความว่าชาวอเมริกันจงเตรียมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไว้เลยโดยเฉลี่ยประมาณ 6,500 ดอลลาร์ หรือราว 212,500 บาท สำหรับรถยนต์ใหม่ ในระยะสั้น และ 5,100 ดอลลาร์ (ราว 166,700 บาท) ในระยะยาวภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว TBL ประเมินว่าภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากประเทศต่างๆจะทำให้อัตราภาษีแท้จริงของสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 17.6% เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2477 ส่วนจีดีพีจะลดลง 1.3-1.6% คิดเป็นมูลค่าความสูญเสีย 400,000-490,000 ล้านดอลลาร์ นับจากนี้ต้องรอดูกันต่อไป ฉันเจ็บ-เธอเจ็บ ไปด้วยกัน.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม