หลังจากดีเบตถกเถียงอย่างดุเดือดเต็มไปด้วยอารมณ์ยาวนานหลายชั่วโมง ในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษได้มีมติเห็นชอบหนึ่งในร่างกฎหมายที่มีความคิดเห็นต่างกันมากที่สุด “Terminally Ill Adults (End of Life) Bill” หรือเรียกง่ายๆ ร่าง ก.ม.ว่าด้วยการจบชีวิตโดยรับความช่วยเหลือ ไปด้วยคะแนน 314 ต่อ 291 เสียง เมื่อสัปดาห์ก่อน
เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางนโยบายสังคมของอังกฤษ นับแต่อนุญาตให้ทำแท้งบางกรณีในปี 2510
ร่าง ก.ม.นี้ให้สิทธิ์แก่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายใน อังกฤษและเวลส์ ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน สามารถเลือกที่จะจบชีวิตของตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรีและถูกต้องตามกฎหมาย หลังได้รับการอนุมัติจากแพทย์ 2 คน และคณะกรรมการพิจารณา ประกอบด้วยจิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และเมื่อได้รับการอนุมัติจากแพทย์และคณะกรรมการแล้ว ผู้ป่วยระยะสุดท้ายจะต้องสามารถรับยาที่ทำให้จบชีวิตได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมีบุคคลใดเข้าร่วมกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ หรือเภสัชกร
ประเด็นที่ถกเถียงอย่างมากในหมู่ สส. ก็คือ ฝ่ายผู้สนับสนุนมองว่าเป็นการให้ ทางเลือกแก่ผู้ป่วยเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมาน และลดความเหลื่อมล้ำ ที่คนร่ำรวยสามารถเดินทางไปจบชีวิตที่สวิตเซอร์แลนด์ได้
ในขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยแสดงความกังวลว่าอาจเปิดช่องให้กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการและผู้สูงอายุ เสี่ยงที่จะถูกบังคับให้ต้องลาโลกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายหรือลดภาระหนักอึ้งของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านการเห็นชอบในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาขุนนาง หรือสภาสูง ซึ่งสามารถแก้ไขหรือชะลอการบังคับใช้ได้ แต่ไม่สามารถล้มล้างมติของสภาผู้แทนราษฎร และคาดว่ากระบวนการทั้งหมดอาจใช้เวลานานถึง 4 ปี ทำให้อาจมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายในปี 2572
...
ส่วนความคิดเห็นของสาธารณชนต่อร่าง ก.ม.ดังกล่าว ผลสำรวจของ YouGov พบว่ามีชาวอังกฤษผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนถึง 73% เช่นเดียวกับเซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกตัวหนุนอย่างแข็งขัน
หากผ่านการรับรองจากสภาสูงอังกฤษจะเป็นประเทศที่อนุญาตให้ผู้ป่วยจบชีวิตโดยรับความช่วยเหลือได้ตามรอยออสเตรเลีย เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา รวมทั้งบางรัฐของสหรัฐฯ เป็นต้น.
อมรดา พงศ์อุทัย
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม