เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ “โดรน” ถูกยกระดับ กลายเป็นอาวุธหลักในสนามรบและพื้นที่ความขัดแย้งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือเอเชีย
โดยเฉพาะโดรนพิฆาต หรือที่เรียกกัน อีกอย่างว่า “โดรนคามิคาเซ่” ตามคุณลักษณะ การทำงาน บินพุ่งเข้าใส่เป้าหมายเพื่อทำลายหรือสร้างความเสียหาย ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย จนไม่นานมานี้ทางกองทัพรัสเซีย ถึงขั้นต้องออกคู่มือภาคสนาม สอนแนวทางการรับมือที่พอจะมีประสิทธิภาพ ให้สามารถเอาตัวรอดได้
ไม่นานมานี้มีรายงานอย่างต่อเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้าน “เมียนมา” ว่าโดรนพิฆาต ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ในการปะทะระหว่างกองทัพรัฐบาลทัดมาดอว์และกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีหลักฐานบ่งชี้ว่า กองทัพพม่าได้สูญเสียเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพลไป 1 ลำ
เป็นฝีมือของโดรนติดระเบิดที่บินพุ่งเข้าชนกับใบพัดหลักของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพลรุ่นเอ็มไอ-17 ของกองทัพพม่า โดยเฮลิคอปเตอร์ถูกโจมตีขณะกำลังร่อนลงจอดเพื่อนำเสบียงมาส่งให้กองพันทหารราบที่ 56 ในเมืองชเวกู รัฐคะฉิ่น ทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ในรายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นยังอ้างว่าเฮลิคอปเตอร์พยายามบินหลบหนีหลังถูกโดรนพิฆาตชน ใบพัด ก่อนตกกระแทกดินในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่เสียชีวิตยกลำ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นภาพการใช้โดรนในพื้นที่สนามรบทั่วโลก และก่อให้เกิดคำถามตามมาถึงบทบาทของยุทโธปกรณ์ทางทหารที่เปลี่ยนไป เพราะแต่ก่อนความเสี่ยงของการใช้เฮลิคอปเตอร์จะอยู่ที่ว่าฝ่ายข้าศึกมีอาวุธขั้นสูงอย่างจรวดต่อต้านอากาศยาน หรือปืนต่อสู้อากาศยานวางไว้อย่างหนาแน่นหรือไม่ ทว่าในปัจจุบันนี้ โดรนติดระเบิดราคาถูกกลับมีประสิทธิภาพในการทำลายยุทโธปกรณ์ราคาแพง
...
และแน่นอนว่าสำหรับหนทางรับมือ ก็ยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน แถมมีการแก้เกมกันอยู่ตลอด พอนำอุปกรณ์กวนคลื่นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ศัตรูก็เปลี่ยนไปใช้โดรนที่บังคับด้วยสายเคเบิลออปติก ที่ส่งผลให้การแจมมิ่งกลายเป็นหมัน จึงเป็น เรื่องสำคัญที่ฝ่ายกองทัพจำเป็นต้องตระหนักถึงภัยคุกคามชนิดนี้ ที่นับวันจะยิ่งมีความอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ.
ตุ๊ ปากเกร็ด
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม