วันเสาร์สบายๆวันนี้เข้าสู่ เทศกาลสงกรานต์วันปีใหม่ไทย หลายพื้นที่เริ่มสาดน้ำกันตั้งแต่เมื่อวานกันแล้ว 13 เมษายน เป็น วันผู้สูงอายุ และ 14 เมษายน เป็น วันครอบครัว สมาชิกในครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้ากันด้วยความอบอุ่น ทำบุญสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ทำบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ก่อนจะเถลิงศกใหม่ในวันที่ 15 เมษายน สงกรานต์ปีนี้แม้เศรษฐกิจจะตกสะเก็ดจากสงครามการค้า แต่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่า มหาสงกรานต์จะสร้างรายได้ สะพัดกว่า 26,564 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 476,000 คน นักท่องเที่ยวในประเทศกว่า 4.4 ล้านคน/ครั้ง จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็น กรุงเทพมหานคร ที่มีการจัดงาน water Festival กระจายไปถึง 12 พื้นที่ทั่ว กทม. รองมาเป็น เชียงใหม่ ชลบุรี
ฟ้าใหม่แล้วละนะน้อง สงกรานต์เร่าร้อนทำนองเพลงโทน โน่นไงจ๊ะ โทนป๊ะโท่นโทน ทั้งโยกทั้งโยนเย้ายวนใจ ปีใหม่นี้ผมขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน รื่นเริงสุขสำราญ ตลอดไปครับ
วันนี้ผมขอพาท่านผู้อ่านไปรู้จัก The Art of the Deal ของคนชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ กันครับ ผมเพิ่งเจอในหิ้งหนังสือที่บ้าน เป็นของสำนักพิมพ์นานมี เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตของโดนัลด์ ทรัมป์ เขียนเล่าถึงชีวิตและประสบการณ์ของตัวเองในการสร้างความสำเร็จจนเป็นมหาเศรษฐี ผมจะเก็บมาเล่าเพียงตอนเดียวคือ Trump Cards หรือ ไพ่ในมือของทรัมป์ ที่เล่าถึงสไตล์การทำธุรกิจ และการต่อรอง จะได้รู้จักนิสัยและตัวตนของทรัมป์มากขึ้น คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง หัวหน้าทีมเจรจาของไทย ควรต้องอ่านให้จบก่อนไปเจรจากับทีมทรัมป์
ทรัมป์บอกว่า ผมชอบคิดใหญ่ (Think big) หากคุณจะคิดอะไรขึ้นมาสักเรื่อง ก็ให้คิดใหญ่ไว้เลย คนส่วนมากมักจะคิดอะไรเล็กๆ พวกเขาหวั่นใจในความสำเร็จ กลัวที่จะตัดสินใจ กลัวที่จะได้รับชัยชนะ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้ผมได้เปรียบ
...
หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการคิดใหญ่คือ ความเอาใจใส่อย่างจริงจัง ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทที่ควบคุมตัวผม มีคนคิดว่าผมเป็นนักการพนัน ผมไม่เคยเล่นการพนันเลยในชีวิต นักพนันคือคนที่เล่นเกมตู้ แต่ผมพอใจที่จะเป็นเจ้าของเกมตู้มากกว่า (ทรัมป์มีกาสิโนหลายแห่ง)
เกมของทรัมป์ เขาจะสร้างทางเลือกให้มากที่สุด เพื่อป้องกันตัวเอง ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับการค้ารายเดียวหรือเป้าหมายรายเดียว ผมจะเปิดทางเลือกหลายๆทางไว้ให้ตัวเอง เพราะการเจรจาการค้าส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว แม้ว่าจะดูดีในตอนแรกก็ตาม
“ผมชอบคิดว่า ผมก็มีสัญชาตญาณเรื่องการตลาด ผมไม่เชื่อเรื่องการวิจัยการตลาด ผมสำรวจตลาดด้วยตัวเอง หาข้อสรุปด้วยตัวเอง ผมเชื่อเรื่องการถามความเห็นของทุกคนก่อนที่จะตัดสินใจ ถ้าผมจะซื้อที่ดินสักผืนหนึ่ง ผมจะถามความเห็นของคนที่อาศัยอยู่แถวนั้นว่า คิดอย่างไรเกี่ยวกับโรงเรียน อาชญากรรม ร้านขายของในย่านนั้น ถามไปเรื่อยจนกว่าผมรู้สึกว่าได้รู้เรื่องนั้นอย่างจริงจัง สิ่งที่แย่ที่สุดในการทำธุรกิจคือ ทำท่าจะหมดหวังในการรับมือกับมัน นั่นเป็นการทำให้คนอื่นได้กลิ่นคาวเลือด หลังจากนั้นคุณก็จะแพ้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ รับมือกับมันด้วยความเข้มแข็ง ข้อได้เปรียบของคุณคือ ความเข้มแข็ง ข้อได้เปรียบคือ คุณมีบางอย่างที่คนอื่นต้องการ หรือคุณมีสิ่งที่เขาอยากได้ แต่ดีที่สุดคือ มีสิ่งที่คนอื่นจะขาดเสียไม่ได้”
เรื่องนี้ทรัมป์ได้พิสูจน์ในงานเลี้ยง กรรมาธิการพรรครีพับลิกันประจำสภาคองเกรส 9 เม.ย. ที่ผ่านมา ทรัมป์ขึ้นโพเดียมพูดถึงการขึ้นภาษีของเขาว่า “ขอบอกกับพี่น้องพรรครีพับลิกันว่า ประเทศต่างๆ เหล่านี้แทบจะเข้ามา “จูบก้น” ผม ดิ้นรนจะเป็นจะตายเพื่อที่จะทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ อ้อนวอนว่าได้โปรดเถอะครับนายท่าน ทำข้อตกลงกันเถอะ จะทำอะไรก็ยอม” ท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่นในงาน ฉีกหน้าผู้นำประเทศที่ไปอ้อนวอนขอลดภาษีจากทรัมป์
นี่คือ ตัวตนทรัมป์ จากหนังสือ The Art of the Deal จะไปเจรจาต้อง “รู้เขารู้เรา” ครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม