วันนี้นับไปอีก 12 ชั่วโมงจะเข้าสู่วันที่ 2 เมษายนในสหรัฐฯ วันที่ ประธานาธิบดีทรัมป์  ประกาศเป็น วันดีเดย์ขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะ ภาษีรถยนต์นำเข้า 25% จากทุกประเทศ โดยไม่แคร์ว่าชาวอเมริกันจะต้องซื้อรถยนต์แพงขึ้นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบัน สหรัฐฯนำเข้ารถยนต์ปีละ 16 ล้านคัน มูลค่ากว่า 240,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 8 ล้านล้านบาท นำเข้ามากที่สุดจาก เม็กซิโก รองมาเป็น ญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่หุ้นญี่ปุ่นจะร่วงไปล่วงหน้ากว่า 1,500 จุด เมื่อวันจันทร์

ทรัมป์ ยังประกาศขู่ว่า ประเทศใดซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา จะถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้า 25% ทั้งที่สหรัฐฯซื้อน้ำมันดิบเวเนซุเอลามากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ล่าสุดประกาศขู่ว่า ใครซื้อนํ้ามันจากรัสเซียจะถูกขึ้นภาษีนำเข้า 25% เพราะทรัมป์โกรธ ประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่ยังไม่ยอมหยุดสงครามยูเครนอย่างที่ทรัมป์ต้องการ ประธานาธิบดีทรัมป์จะสามารถทำตามคำขู่สารพัดได้หรือไม่ อีกไม่เกิน 24 ชั่วโมงรู้กัน

ประเทศไทย ก็อยู่ใน บัญชีขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ เพราะไทยได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯสูงเป็นอันดับที่ 11 แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้ง คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คุณพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ คุณนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย ทั้งที่ภาคเอกชนทุกภาคเสนอให้รัฐบาลตั้งวอร์รูมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯก่อนที่จะสายเกินแก้ แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆจากรัฐบาลฝึกงาน หรือเรา (ประเทศไทย) จะก้มหน้ารับชะตากรรมจากทรัมป์อย่างไร้ศักดิ์ศรีความเป็นประเทศเอกราช

สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ปีที่แล้ว 2567 ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯเกือบ 55,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.87 ล้านล้านบาท สัดส่วนราว 18% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด

ขณะที่ ผู้นำไทยก้มหน้ารับชะตากรรม  ผู้นำประเทศอื่นลุกขึ้นต่อสู้ ผมขอนำจดหมายเปิดผนึกของ ประธานาธิบดีหญิงเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาม ปาร์โด ที่เขียนถึง ทรัมป์  และ อีลอน มัสก์ ในนามของ “ส่วนที่เหลือของโลก” ที่เผยแพร่ใน reddit มาให้อ่านกัน มีข้อความดังนี้ “แล้วพวกคุณก็ลงมติสนับสนุนการสร้างกำแพง (กั้นสหรัฐฯกับเม็กซิโก) ดีค่ะ ชาวอเมริกันที่รัก แม้ว่าพวกคุณจะรู้น้อยเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับพวกคุณ สหรัฐอเมริกาคือประเทศของคุณ ไม่รวมไปถึงความเป็นทวีปทวีปหนึ่ง แต่ก่อนที่พวกคุณจะวางศิลาฤกษ์ก้อนแรก คุณควรจะรู้ว่าพวกคุณกำลังทิ้งอะไรบ้างไว้ข้างนอกกำแพงนี้

...

ข้อเท็จจริงคือ มีคนอีก 7,000 ล้านคนอยู่นอกกำแพงนั้น แต่พวกคุณอาจไม่ได้สำเหนียกถึงการมีอยู่ของพวกเขา ซึ่งแท้จริงคือ “ผู้บริโภค”

พวกคุณพึงรู้ไว้ว่า ยังมีผู้บริโภคอีก 7,000 ล้านคนที่พร้อมจะเปลี่ยน iPhone ไปใช้ซัมซุงหรือหัวเหว่ย รวมถึง การทิ้งยีนส์ลีวายส์ แล้วเปลี่ยนไปใช้ ยีนส์ซารา หรือ แมสซิโม ดุตติ เชื่อไหมว่าภายใน 6 เดือน เราสามารถเลิกซื้อรถยนต์ฟอร์ด หรือเชฟโรเลต โดยหันไปซื้อ รถยนต์โตโยต้า เกีย มาสด้า ฮอนด้า ฮุนได วอลโว่ ซูบารุ เรโนลต์  หรือ บีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งมีเทคโนโลยีก้าวลํ้าไปมากกว่าพวกคุณ

ผู้บริโภค 7,000 ล้านคน สามารถยกเลิกสมาชิกช่องโทรทัศน์ของพวกคุณ เลิกดูหนังฮอลลีวูด แล้วหันมาดูหนังละตินอเมริกาหรือยุโรป เราสามารถหยุดไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ และไปเที่ยวสวนสนุกเอ็กซ์คาเรตในแคนคูน เม็กซิโก หรือไปเที่ยวแคนาดายุโรปแทน เชื่อหรือไม่ เม็กซิโกยังมีแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยกว่าแมคโดนัลด์ ใครเคยเห็นพีระมิดที่สหรัฐฯบ้าง แต่กลับมีพีระมิดมากมายให้เที่ยวชมในอียิปต์ เม็กซิโก เปรู และอีกหลายประเทศ เรารู้ว่ามีรองเท้า อาดิดาส ไนกี้ แต่ก็สามารถซื้อรองเท้ายี่ห้อ ปานาม ของเม็กซิโกได้เหมือนกัน

เรารู้ว่า ผู้บริโภค 7 พันล้านคนเลิกซื้อสินค้าของพวกคุณ ภายในกำแพงแห่งการเหยียดชนชาติของพวกคุณ จะเกิดภาวะคนว่างงาน เศรษฐกิจจะพังทลาย จนถึงขั้นที่พวกคุณต้องมาวิงวอนขอให้พวกเราช่วยทลายกำแพงนั่นลง เราไม่ได้ต้องการกำแพง พวกคุณต่างหากที่ต้องการ แล้วคุณจะได้กำแพงนั่นไป” เด็ดขาดจริงผู้นำหญิงวัย 62 ปีของเม็กซิโก.


“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม