หลังจากประสบปัญหายอดขายลดกำไรหดตัวในปี 2567 จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวย ในที่สุด LVMH อาณาจักรสินค้าหรูหราอันดับ 1 ของโลกจากฝรั่งเศส ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของแบรนด์หรู Louis Vuitton เดินหน้าขยับขยายสู่ธุรกิจเครื่องสำอาง เตรียมเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ความงาม “La Beauté Louis Vuitton” ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง หรือประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ภายใต้การนำทีมของ “แพ็ต แม็คกราธ” ช่างแต่งหน้าชื่อดังชาวอังกฤษ รับหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ หลังจากคร่ำหวอดในวงการแต่งหน้ามายาว นานกว่า 20 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นช่างแต่งหน้าทรงอิทธิพลสูงสุดคนหนึ่งของโลก มีแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง “Pat McGrath Labs” ที่สำคัญเธอยังได้รับเกียรติเป็นช่างแต่งหน้าคนแรกที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “เดม” ในปี 2564

ขณะที่ไลน์ผลิตภัณฑ์ชุดแรกของ “La Beauté Louis Vuitton” จะประกอบด้วยลิปสติก 55 เฉดสี ลิปทินต์เนื้อบาล์ม 10 เฉดสี และอายแชโดว์ 8 พาเลตต์ หลังจากเคยออกผลิตภัณฑ์แป้งตลับ แปรง และกระจกในช่วงทศวรรษที่ 20’s และเปิดตัวไลน์น้ำหอมครั้งแรกในปี 2559

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ LVMH ถูกมองว่าเป็นเพราะตลาดเครื่องสำอางสามารถทำกำไรได้สูง ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างความตื่นเต้นกระตุ้นความสนใจลูกค้ากลุ่มอายุน้อยหรือผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ Louis Vuitton โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนโต ขณะที่ผลประกอบการในปีที่แล้วยังชี้ชัดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องสำอางของ LVMH มียอดขายเติบโต ต่างจากกลุ่มไวน์และสุรา รวมทั้งสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังที่มียอดขายลดลง นอกจากนี้ยอดขายของร้านค้าปลีกสินค้าความงามอย่าง  Sephora ยังมีรายได้และกำไรโดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา

...

ที่ผ่านมาแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ เช่น Hermes, Valentino และ Celine ซึ่งอยู่ภายใต้อาณาจักร LVMH ต่างขยับสู่ไลน์เครื่องสำอางมาก่อนแล้วไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับแบรนด์แฟชั่นอย่าง Burberry หรือ Chanel ขณะที่ Miu Miu แบรนด์ในเครือของ Prada จากเมืองมิลาน อิตาลี มีแผนเตรียมเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ความงามในปีนี้เช่นกัน

ศึกชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องสำอางโลกยกนี้น่าติดตาม.

อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม