ทรัมป์ลงนามแต่งตั้งอีลอน มัสก์ เป็น Senior Advisor to the President (ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดี) มอบหมายให้เป็นหัวหน้า Department of Government Efficiency (DOGE) (กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล) เป็นหน่วยงานใหม่ที่ตั้งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล

หน้าที่ของมัสก์คือ ลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางให้ได้ 1 ล้านล้านดอลลาร์ (35 ล้านล้านบาท) ยุบหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น กระทรวงศึกษาธิการ องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ตรวจสอบการทำงานของข้าราชการของรัฐบาลกลาง ฯลฯ

มัสก์บอกว่าข้าราชการที่ยื่นใบลาออกภายในกุมภาพันธ์จะยังได้รับเงินเดือนไปจนถึงสิ้นกันยายน 2025 ส่วนทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารให้หน่วยงานต่างๆจ้างข้าราชการได้ไม่เกิน 1 คนต่อข้าราชการที่ลาออก 4 คน

ข้าราชการรัฐบาลกลางมี 2.4 ล้านคน (ไม่รวมพวกไปรษณีย์และทหาร) ตอนนี้มีคนรับข้อเสนอเลิกจ้างแล้ว 7.5 หมื่นคน ที่โดนไล่ออกหลายแสนคนคือข้าราชการทดลองงานตามหน่วยงานรัฐบาลทั่วประเทศ

มีคนฟ้องว่าการตั้งมัสก์เป็นผู้นำ DOGE ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะข้อใหญ่ใจความตามมาตรา 2 หมวด 2 เขียนว่า “ประธานาธิบดีมีอำนาจเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ต้องได้รับ Senate Confirmation หรือความเห็นชอบจากวุฒิสภา การแต่งตั้งครอบคลุมถึงคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าหน่วยงานบริหาร”

ทรัมป์โต้ว่าตนไม่ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะมัสก์เป็นหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ไม่ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรีและไม่มีอำนาจบริหารโดยตรง รัฐบาลทรัมป์บอกว่า มัสก์เป็นที่ปรึกษาพิเศษที่ไม่มีเงินเดือน และจะไม่ปฏิบัติหน้าที่เกิน 130 วันตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง จึงไม่จำเป็นจะต้องไปผ่านวุฒิสภา

พอโดนให้ออก ข้าราชการเหล่านี้มีปัญหาค่าที่พัก ค่าผ่อนรถ ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียนบุตร สิทธิประโยชน์ทั้งหลายหายไป ทั้งประกันสุขภาพ บำนาญและสวัสดิการครอบครัว ความเครียดเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที สุขภาพจิตย่ำแย่

...

ข้าราชการไม่มีเงินก็งดการจับจ่ายใช้สอย กระทบกับธุรกิจในท้องถิ่น ร้านค้า ร้านอาหารเริ่มแย่ ข้าราชการไม่มีความมั่นคงก็เริ่มประกาศขายบ้าน บางคนเริ่มโอดครวญว่าตนจะโดนยึดบ้าน ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯอาจจะดิ่งเหว

นักการเมืองที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองคณะเดียวกับทรัมป์ แนะนำให้ข้าราชการไปสมัครงานกับหน่วยงานเอกชน เอกชนก็บอกว่าไม่มีงานให้ทำ ตอนนี้ก็เริ่มมีโครงการใหม่ แนะนำให้อดีตข้าราชการไปเปิดธุรกิจขนาดเล็กหาเงินประทังชีวิต

เพื่อนไลน์ไอดี @ntp59 ถามความเห็นผม ผมบอกว่าการกระทำของทรัมป์และมัสก์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะงัก เงินเฟ้อจะสูง การว่างงานจะพุ่งแรงแซงโค้ง ที่น่ากลัวอั่วอือก็คือ ทรัมป์เตรียมเลิกสัญญางานกับผู้รับเหมาต่างๆ ทั้งที่มีการลงนามในสัญญากับรัฐบาลและเริ่มทำงานกันไปบ้างแล้ว ผู้รับเหมาชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยเริ่มออกมาโอดครวญถึงความหายนะที่กำลังจะมาถึงพวกตน

ทรัมป์มาจากรีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคของนักธุรกิจและคนรวย ทรัมป์ประกาศแล้วครับว่า ข้าพเจ้าจะลดภาษีเงินได้ให้คนรายได้สูง งานนี้คนรวยเฮ แต่คนชั้นกลางและคนจนลำบาก เพราะการขึ้นภาษีศุลกากรทำให้ราคาสินค้าเพิ่ม ตามมาด้วยเงินเฟ้อสูง ขณะที่เขียนข้อความนี้ เงินเฟ้อของสหรัฐฯเพิ่มถึง 3% แล้ว

ผมว่าอเมริกาเป็นสหรัฐที่กำลังเผชิญความเสี่ยง สำคัญที่สุดของการบริหารคือทรัพยากรมนุษย์ ไปดูรายชื่อคนที่โดนทรัมป์ไล่ออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีตั้งแต่ข้าราชการองค์การบริหารการบินแห่งชาติที่ดูแลความปลอดภัยในการจราจรทางอากาศ องค์การอาหารและยา ที่ดูแลความปลอดภัยสูตรอาหารและยา สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ฯลฯ

ที่บ้าบอคอแตกที่สุดมุดดินกินกลอยก็คือ การลดข้าราชการสรรพากร เรื่องนี้แย่แน่ครับ เพราะถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่สรรพากรไล่บี้ รัฐบาลทรัมป์จะเอาสตางค์ที่ไหนไปบริหารประเทศ พวกที่จ้องโกงภาษีต่างเฮโลโปเยกับการไล่ข้าราชการสรรพากรออก ต่อไปนี้การตรวจภาษีจะเบาบางลงเพราะเจ้าหน้าที่จะมีไม่พอ

การได้มหาเศรษฐีอย่างทรัมป์และมัสก์มาบริหารประเทศ อาจจะทำให้การบริหารชาติบ้านเมืองบิดเบี้ยว บิดเพื่อรักษาประโยชน์ให้คนรวย แต่คนชั้นกลางและคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอาจจะเผชิญกับความยุ่งยากงากงอก.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม