แม้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเพิ่งมารับตำแหน่งได้เพียงสิบกว่าวัน แต่แรงกระเพื่อมก็ถือว่ามากมายมหาศาล

หลังท่านผู้นำวัย 78 ปีรายนี้ ได้ตัดสินใจยิงกราดคำสั่งประธานาธิบดีในระดับที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ในช่วง 2-3 วันแรก ก็จดปากกาลงนามไปแล้วกว่า 50 ฉบับ ขณะที่คนอื่นทำงานไปกว่า 100 วันถึงได้เท่านี้

ต้องเรียกว่า ทำเอาตั้งตัวกันไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภายในประเทศหรือนอกประเทศ เกือบทั้งหมดถูกจัดระเบียบและปิดจุดอ่อน ตามความตั้งใจที่จะทำให้อเมริกากลับมาสู่ “ยุคทอง”

หนึ่งในนั้นคือเรื่องการลดค่าใช้จ่ายที่ทรัมป์มองว่า “สิ้นเปลือง” เกินความจำเป็น และเป็นที่มาของคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศ “ปิดท่อน้ำเลี้ยง” เป็นเวลา 90 วัน เพื่อตรวจสอบอีกทีว่างบประมาณที่ส่งไปสนับสนุนด้านการต่างประเทศ อันไหนมีความจำเป็นหรือไม่จำเป็น

สำหรับหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนลำดับต้นๆ คือองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสกว่า 60 คน ได้ถูกสั่งให้พักงานจนกว่าจะแจ้งให้ทราบ และเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียก็ได้ถูกระงับไปเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ องค์การยูเอสเอดก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2504 โดยคำสั่งประธานาธิบดี “จอห์น เอฟ.เคนเนดี” เพื่อการรวบโครงการสนับสนุนต่างๆในประเทศมาไว้ในที่เดียว มีจุดมุ่งหมายคือพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตอบสนองต่อวิกฤติทางมนุษยธรรม และส่งเสริมผลประโยชน์ทางความมั่นคงของสหรัฐฯในประเทศต่างๆทั่วโลก

อย่างเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา องค์การยูเอสเอดในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีการใช้งบประมาณไปกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 2.04 ล้านล้านบาท ในการสนับสนุนนานาประเทศ

...

กระนั้น ในระยะหลังได้มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์มากขึ้นว่า องค์การมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด และช่วยให้คนมองสหรัฐฯในแง่มุมที่ดีขึ้นได้ขนาดไหน กลุ่มเคลื่อนไหวในสหรัฐฯบางส่วนถึงขั้นกล่าวหาว่า งบ ประมาณที่ผ่านยูเอสเอดกว่า 98% ถูกใช้ไปในการจัดกิจกรรมในประเทศต่างๆ และไม่ได้ดูว่าผลลัพธ์ที่ตามมามันดีขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ มีงบไม่ถึง 10% ที่ถูกส่งไปถึงมือชุมชนที่สมควรจะได้รับความช่วยเหลือจริงๆ.


ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม