รอบบ้านผ่านเมืองต่อความเป็นไปของสถานการณ์โลกมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งจะได้ผู้นำคนใหม่

“โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งจะทำพิธีสาบานตนเพื่อทำหน้าที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.68 นี้ แม้ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่

แต่ก็ทำให้โลกสั่นไหวแล้ว

เมื่อเขาประกาศจะยึดกรีนแลนด์ คลองปานามา ยังไม่รวมถึงเรื่องใหญ่ๆอย่างเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลโดยตรงต่อทุกประเทศทั่วโลก

รายชื่อรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้รัฐบาลของเขาแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา มีความรู้ความสามารถ และสนองนโยบายอย่างชัดเจน

คนหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของโลก เจ้าของบริษัทรถยนต์ยี่ห้อดังในระบบอีวีที่ใช้ไฟฟ้าอันเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก

เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง

ระหว่างที่ “ทรัมป์” หาเสียง “มัสก์” ได้ช่วยด้วยการบริจาคเงินให้ประชาชนที่สนับสนุนด้วยวงเงินไม่น้อย เพื่อกระตุ้นให้คนไปเลือก “ทรัมป์”

รางวัลก็คือตำแหน่งรัฐมนตรี!

และที่จะตามมาก็คือนโยบายของ “ทรัมป์” ที่จะตั้งกำแพงภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนสูงถึง 60% นั้นจะเอื้ออำนวยต่อธุรกิจขายรถยนต์ของเขาโดยตรง

เพราะจีนนั้นได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกส่งไปขายทั่วโลก ดังนั้นเมื่อมีการตั้งกำแพงภาษีสูงเช่นนั้นจะทำให้รถยนต์ที่ผลิตจากจีนมีราคาสูงขึ้น

เท่ากับเป็นการปิดตลาดจีนในสหรัฐฯไปโดยปริยาย...

ทำให้ “เทสลา” รถยนต์ยี่ห้อดังของ “มัสก์” ไร้คู่แข่งไปโดยไม่ต้องทำอะไรเลยนี่เป็นธุรกิจการเมืองสนองประโยชน์อย่างชัดเจน

ยังไม่ต้องพูดถึงนโยบายอื่นๆที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยเฉพาะในด้านความมั่นคงที่นโยบายของสหรัฐฯจะเปลี่ยนไป

...

คือแนวรบจะย้ายจากสงครามยูเครน-รัสเซีย และตะวันออกหันหัวเรือมาสู่อินโด-แปซิฟิกเพื่อปิดกั้นจีน

วันนี้ฮามาสประกาศยุติสงครามกับอิสราเอลนั้นคือการสนองรับนโยบายนี้เพราะก่อนหน้านี้มีการเจรจาหลายรอบแต่ก็ไม่สำเร็จ

เพราะอิสราเอลไม่ยอมจนทำให้ต้องเสียชีวิตผู้คนเป็นจำนวนไม่น้อยที่ฉนวนกาซา แต่พอ “ทรัมป์” ได้เป็นผู้นำคนใหม่

อิสราเอลก็เปลี่ยนท่าทีใหม่!

ไม่ต่างไปจากยูเครนที่กำลังหาทางลงเนื่องจาก “ทรัมป์” ไม่สนับสนุนด้านอาวุธและงบประมาณ ไม่มีทางเลือกที่ผู้นำยูเครนต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง

มิฉะนั้นจะเกิดปัญหา

เพราะถ้าไม่ลงจากตำแหน่งดีๆก็จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยสหรัฐฯควบคุมทั้งหมดซึ่งไม่มีทางที่จะชนะได้

นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นที่รัฐบาลไทยต้องรับมือให้ดี

อีกมุมหนึ่งที่เกาหลีใต้ “ยุน ซอกยอล” ประธานาธิบดีที่ถูกข้อหากบฏเพราะประกาศกฎอัยการศึกหลังจากที่หลบเลี่ยงมาหลายวันได้ถูกจับกุมแล้ว

ขณะนี้กำลังถูกสอบสวนเพื่อดำเนินคดีเขาโดยมีศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาถอดถอนหลังจากสภาได้มีมติถอดถอนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการดำเนินการ

ถึงที่สุดก็คงไม่รอดแม้ยังมีมวลชนส่วนหนึ่งสนับสนุนเขาก็ตาม

อดีตผู้นำเกาหลีใต้หลายคนมีปัญหาด้วยการทุจริตคอร์รัปชันหากไม่ติดคุกก็ต้องเสียชีวิตระหว่างถูกจองจำหรือได้รับการอภัยโทษ

แต่ไม่มีคนไหนที่จะหนีความผิดไปได้สักคนเดียว!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม