สมัยก่อน คนทำความผิดในประเทศหนึ่งหนีไปอยู่อีกประเทศหนึ่ง สามารถใช้ชีวิตอย่างราบเรียบเงียบสงบจนสิ้นอายุขัย แต่สมัยนี้ เทคโนโลยีทำให้ไม่สามารถหลบซ่อนได้แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ ม่านตา ฯลฯ ทำผิดไว้ในประเทศหนึ่ง ไปตรวจในประเทศอื่นก็เจอ และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวทั้งหลายที่เคยโพสต์ลงโซเชียลมีเดียประเภทต่างๆ แม้ว่าจะใช้ชื่อปลอม ใช้เบอร์โทรศัพท์คนอื่นกระทำการ ด้วยการสืบค้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้หนีไม่รอด

เดี๋ยวนี้การอนุมัติวีซ่าของหลายประเทศมีการตรวจสอบพฤติกรรมในโลกออนไลน์ แม้ว่าจะพูดหรือเขียนโดยใช้ภาษาอื่น แต่เทคโนโลยีการแปลก็ทำให้ทราบพฤติกรรมในอดีต พวกอวตารที่เขียนโจมตีประเทศใด คิดว่าถ้าใช้อวตารแล้วจะรอด แต่ไม่รอดครับ การตรวจสอบของเอไอไม่ใช่แค่ตรวจสอบเฉพาะจุด แต่ตรวจทั้งเครือข่ายที่ระโนงโยงเยงตั้งแต่ปรากฏในโลกไซเบอร์จนถึงปัจจุบัน ตม.ของหลายประเทศจึงปฏิเสธการให้เข้าเมืองโดยใช้พฤติกรรมในโซเชียลมีเดียมาประกอบการพิจารณา

การรับสมัครเข้าทำงานหรือเข้าเรียนต่อก็ใช้พฤติกรรมในโลกไซเบอร์มาประกอบด้วย นายสวี บัณฑิตคณะวิศวกรรม ศาสตร์ เป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง เรียนหนังสือเก่ง สอบเข้าเรียนต่อปริญญาโทในคณะฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยหนานจิง มณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายสวีสอบเข้าได้คะแนนมากถึง 507 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนโดดเด่นที่สุดในกลุ่มผู้สมัคร คณะเดียวกัน

แม้ว่าจะผ่านการสอบข้อเขียน แต่ขั้นต่อไปนายสวีกลับไม่ผ่าน ขั้นนี้เป็นการทดสอบศีลธรรมและคุณสมบัติทางการเมือง เนื่องจากไปตรวจพบคลิปวิดีโอในอินเตอร์เน็ตที่เห็นนายสวีฆ่าแมวหลายตัวในหอพักของมหาวิทยาลัยตงหนาน ฆ่าในช่วงที่นายสวีเรียนปริญญาตรี บางคลิปเป็นภาพนายสวีจับแมวตัวหนึ่งเข้าไปในถัง แล้วเหยียบหัวแมวจนตาย

คลิปเหล่านี้ทำให้มหาวิทยาลัยหนานจิงไม่รับนายสวีเข้าไปเรียนต่อปริญญาโทในคณะฟิสิกส์ ตำรวจเมืองหนานจิงทำการสอบสวนโดยการไปสอบปากคำพ่อแม่ของนายสวี พ่อแม่กล่าวขอโทษขอโพย พร้อมกับสัญญาว่าจะตักเตือนไม่ให้ลูกชายกระทำการอย่างนั้นอีก

...

นอกจากสอบเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหนานจิงแล้ว นายสวียังไปสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหลานโจว มณฑลกานซู ก็ปรากฏว่าไม่ผ่านอีก ผลการสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์และเทคโนโลยีก็ไม่ปรากฏชื่อนายสวีเช่นเดียวกัน ทั้งหมดทั้งปวงนั้น มาจากคลิปที่นายสวีเคยทารุณกรรมแมว มีการทำนายทายกันต่อไปว่า นับแต่นี้ต่อไป ชีวิตนายสวีจะลำบากยากเข็ญ และในอนาคตก็จะไม่มีบริษัทไหนหรือโรงงานใดกล้ารับนายสวีเข้าทำงาน

ถึงนายสวีจะประกอบธุรกิจส่วนตัว สังคมจีนที่วิพากษ์ วิจารณ์กันว่อนเน็ตก็เชื่อว่า จะไม่มีใครทำธุรกิจกับนายสวี ซึ่งบุคคลที่มีจิตใจโหดเหี้ยม กระทำการทารุณสัตว์ที่ไม่มีทางสู้ ในประเทศไทยก็มีครับ เดี๋ยวนี้มีการสื่อกันถึงเรื่องพฤติกรรมความโหดร้ายของอธิการบดีและคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง ที่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่จับแมวที่อยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ไปขังไว้ในกรงขังที่ตากแดดตากฝน และสุดท้ายก็ตาย

แมวเหล่านั้นได้รับความเมตตาจากนักศึกษา ให้ข้าวให้น้ำ เมื่อทราบคำสั่งของอธิการบดีต่างก็เสียใจ บางคนเสียใจถึงขนาดไปลาออกจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ และโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยอื่น นักศึกษาเหล่านี้ไม่ยอมเป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยที่อธิการบดีและคณะผู้บริหารมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่มีความเมตตากรุณาต่อสัตว์

ความเมตตากรุณาต่อสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตกทุกข์ได้ยาก สัตว์จรจัด สัตว์ป่วย บาดเจ็บ พิการ กลายเป็นเรื่องใหญ่ คนจำนวนมากประกาศตนเป็นวีแกน หมายถึงไม่ทานเนื้อสัตว์ น้ำผึ้ง ไข่ นม ชีส รวมถึงอาหารที่มีส่วนผสมจากสัตว์ เริ่มมีการรณรงค์ไม่ใช้หนังสัตว์ ผู้คนที่ประกาศตัวอย่างนี้ ปัจจุบันมีจำนวน 200 กว่าล้านคน มีความเชื่อว่าจะถึง 300 ล้านคนเมื่อสิ้น ค.ศ.2024 คนเหล่านี้เมตตาสัตว์โดยไม่นำไปเกี่ยวข้องกับศาสนา เป็นความเมตตาที่มาจากส่วนลึกของหัวใจ.


นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม