3 กันยายน 2023 นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีอูเครน ปลดนายโอเลกซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหม และตั้งนายรัสเทม อูเมรอฟ ชนเผ่าตาตาร์ไครเมีย ประธานกองทุนสินทรัพย์แห่งรัฐเป็นรัฐมนตรีกลาโหมแทน รัฐมนตรีกลาโหมคนเก่าที่เพิ่งลงจากตำแหน่งไป มีความมัวหมองในช่วงสงคราม 550 วันในเรื่องการอมเงินช่วยเหลือและมีปัญหากับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งพัวพันกับเซเลนสกีด้วย ที่น่าอายที่สุดก็คืออดีตรัฐมนตรีกลาโหมถูกกล่าวหาว่าอมค่าอาหารของทหารรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ รัสเทม อูเมรอฟ อายุ 41 ปี ก็กำลังโดนสอบสวนความผิดทางอาญาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในอดีต เป็นที่รู้กันว่าอูเครนเป็นเจ้าแห่งคอร์รัปชัน ทั้งราชการ การเมือง และกองทัพ สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติที่มีชื่อย่อว่า ICIJ ได้รับเอกสารเมื่อ ค.ศ.2021 (ก่อนสงครามรัสเซีย-อูเครนเกิด 1 ปี) ว่าเซเลนสกีให้หุ้นส่วนไปตั้งบริษัทออฟชอว์เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูในกรุงลอนดอน ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี เซเลนสกีถ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัทให้ผู้ช่วย และบริษัทนั้นดำเนินธุรกิจรับงานรัฐบาลมูลนิธิ Ilko Kucheriv Democratic Initiatives Charitable Foundation ร่วมกับสถาบันสังคมวิทยานานาชาติแห่งกรุงคีฟ สำรวจความคิดเห็นคนอูเครนระหว่าง 3-17 กรกฎาคม 2023 โดยใช้วิธีสัมภาษณ์ชาวอูเครนทั่วประเทศแบบซึ่งหน้า ร้อยละ 81 ของผู้ให้สัมภาษณ์ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป โทษว่า เซเลนสกีเป็นต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาล ร้อยละ 70 ของคนหนุ่มสาวอายุ 17-29 ปี ที่ให้สัมภาษณ์ มีมุมมองแบบเดียวกันกับประชาชนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มีประชาชนเพียงร้อยละ 18 ของผู้ให้สัมภาษณ์ไม่เห็นด้วยกับการโยนความผิดให้เซเลนสกีอันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีไปเยือนอูเครนแบบไม่ประกาศล่วงหน้า แล้วก็ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อ 11 กันยายน 2023 ว่าอูเครนต้องต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชันให้มากกว่าที่กำลังทำอยู่ นักการทูตตะวันตกรายหนึ่งบอกกับสื่อ Politico ของสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยายน 2023 ว่าปัญหาเรื้อรังที่สุดในอูเครนคือการทุจริตคอร์รัปชัน และเรื่องนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอูเครนนักการทูตคนเดิมยังวิจารณ์ว่า สหรัฐฯและนาโตยกย่องให้อูเครนเป็นป้อมปราการแห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นประเทศที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางที่สุดในโลก เรื่องต่อไปนี้นักการทูตตะวันตกไม่ได้พูด แต่ผมขอเขียนเองว่า สหรัฐฯมีความจำเป็นจะต้องยกย่องเซเลนสกี และอูเครนให้เป็นพระเอกเพื่อใช้รบกับรัสเซียแทนตน เหมือนกับที่เคยยกย่องผู้นำหลายประเทศ แต่เมื่อสงครามจบ หรือเมื่อแพ้สงครามแล้ว สหรัฐฯและพวกก็จะกล่าวโทษผู้นำประเทศที่ตัวเองเคยยกย่อง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมเหมือนกันทุกประเทศผู้นำรัสเซียกับอูเครนคิดต่างกันในสงครามครั้งนี้ พวกรัสเซียต้องระมัดระวังตัวในการใช้ทรัพยากรที่ใช้ในการรบ เพราะรัสเซียไม่มีใครหนุนหลัง ไม่มีใครช่วย แล้วก็รู้ว่าตนกำลังโดนรุมกินโต๊ะจากสหรัฐฯและนาโต หากผลีผลามวู่วามใจร้อน ก็อาจจะสิ้นชาติ แตกกระจัดพลัดพรายกลายเป็นประเทศเล็กชาติน้อย เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ ค.ศ.1991ส่วนผู้นำอูเครนคิดว่าครั้งนี้สหรัฐฯและตะวันตกต้องทุ่มให้ตัวเองเต็มที่ เพื่อใช้ให้ตนรบกับรัสเซียแทน เงินช่วยเหลือและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไม่ใช่ของตนเอง ประเทศอื่นบริจาคให้มาทั้งนั้น บางคนถือว่าสงครามนำโชคมาให้ อยู่ดีๆ ก็มีลาภลอย นำเงินที่ได้จากการบริจาคช่วยเหลือไปฝากไว้ในต่างประเทศ เป็นที่รู้กันทั้งอูเครนว่านักการเมืองคนไหน นำเงินไปฝากในประเทศใดที่น่าสงสารที่สุดก็คือคนอูเครน ที่ตอนนี้แทบไม่มีโอกาสชนะสงคราม แถมยังได้รับความทุกข์ทรมานจากการบริหารชาติบ้านเมืองด้วยการทุจริตคอร์รัปชันทุกหย่อมหญ้า กำลังใจที่จะใช้สู้กับศัตรูลดหดหมดหายไปกับข่าวการโกงกินของผู้นำและพวก น่าสงสารจริงๆ ครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม