จะมีมหาเศรษฐีสักกี่คนที่ใจเด็ดแบบ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” กล้าประกาศว่าเงินของพ่อแม่ไม่ใช่เงินของลูก และหลังจากที่เสียชีวิตจะไม่ยกทรัพย์สมบัติให้ลูกๆ เด็ดขาด แต่ขอให้โลกจำในฐานะผู้บริจาคเงินตลอดชีวิตให้องค์กรการกุศลมากที่สุดในโลก ด้วยสถิติสูงกว่า 46,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ใช่ว่าคุณปู่จะใจไม้ไส้ระกำกับลูกๆ ทั้งสามคน หรือต้องการให้ซูซาน, โฮเวิร์ด และปีเตอร์ ใช้ชีวิตอย่างยากจน แต่คุณปู่อยากสอนให้ลูกๆ ช่วยเหลือตัวเอง โดยไม่หวังพึ่งพาสมบัติของพ่อ คุณปู่เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์จูนเกี่ยวกับความตั้งใจนี้ว่า มหาเศรษฐีที่แท้จริงจะต้องให้มรดกที่พอเหมาะ เพื่อให้ลูกๆยังต้องดิ้นรนทำงานด้วยตัวเอง แทนที่จะให้มรดกซะเหลือล้น จนลูกๆงอมืองอเท้าไม่ยอมทำอะไรเลย
เมื่อปี 1999 คุณปู่จัดตั้งมูลนิธิการกุศลตามชื่อลูกทั้งสามคน เพื่อให้ลูกๆ รู้ว่าพ่อจะไม่ยกมรดกให้ลูกโดยตรง แต่จะบริจาคเข้ามูลนิธิของลูกๆ เพื่อให้พวกเขานำเงินไปช่วยเหลือผู้อื่น ภายใต้เงื่อนไขว่าเงินเหล่านี้จะไม่สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้ ลูกสาวคนโตคือ “ซูซาน” เลือกช่วยเหลือด้านการศึกษา ส่วน “โฮเวิร์ด” โฟกัสไปที่การช่วยเหลือ ประเทศด้อยพัฒนา และ “ปีเตอร์” เน้นการช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน
ต่อมาในปี 2017 คุณปู่ยังเรียกเสียงฮือฮา ด้วยการบริจาคหุ้นของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ จำนวน 185 ล้านหุ้น มูลค่าสูงถึง 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่มูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ซึ่งก่อตั้งโดยเจ้าพ่อไมโครซอฟท์ สร้างสถิติโลกในฐานะผู้มอบเงินบริจาคให้องค์กรการกุศลในครั้งเดียวด้วยจำนวนเงินสูงสุดตลอดกาลของอเมริกา พร้อมลั่นวาจาว่าเมื่อถึงวันลาโลกจะบริจาคทรัพย์สิน 99% จากที่ครอบครองอยู่ให้องค์กรการกุศลต่างๆ โดยล่าสุดมีรายงานว่า คุณปู่ได้บริจาคหุ้นคลาส B ของเบิร์กเชียร์เพิ่มเติมอีก 2.4 ล้านหุ้น ให้กับองค์กรการกุศลของครอบครัวทั้ง 4 แห่ง โดยมีมูลค่าอ้างอิงตามราคาตลาดประมาณ 759 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
...
อย่างไรก็ดี แผนการบริจาคของคุณปู่เปลี่ยนไปจากเดิมอยู่บ้าง จากที่มุ่งมั่นว่าทุกปีจะบริจาคทุก 5% ของหุ้นที่ครอบครองอยู่ให้กับมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ระยะหลังคุณปู่หันมาเพิ่มน้ำหนักการบริจาคให้มูลนิธิของครอบครัวมากขึ้นอย่างมีนัย เนื่องจากพอใจกับผลงานการดำเนินงาน
ไม่ว่าจะเป็น “มูลนิธิซูซาน ทอมป์สัน บัฟเฟตต์” ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงภรรยาคนแรกผู้ล่วงลับ กลายเป็นหัวหอกสำคัญในการสนับสนุนสิทธิการทำแท้ง ส่วน “มูลนิธิเชอร์วูด” ของลูกสาวคนโต เน้นส่งเสริมการศึกษาปฐมวัยและสนับสนุนโครงการต่างๆ ในเขตบ้านเกิดรอบๆ โอมาฮา รัฐเนแบรสกา ขณะที่ลูกชายคนรอง “โฮเวิร์ด บัฟเฟตต์” มุ่งมั่นทำงานเพื่อยุติความอดอยากของโลกและกำลังช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศยากจน ด้านลูกชายคนเล็ก “ปีเตอร์ บัฟเฟตต์” ใช้ “มูลนิธิ NoVo” ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีทั่วโลก
นับย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งเป็นปีแรกที่คุณปู่ประกาศสละทรัพย์สินของตนเอง คุณปู่ได้บริจาคหุ้นเบิร์กเชียร์ไปแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง คิดเป็นมูลค่าราว 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผลจากการบริจาคทำให้รวยน้อยลง ปัจจุบันมีทรัพย์สินในครอบครองเหลือเพียง 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลายเป็นมหาเศรษฐีรวยที่สุดเป็นอันดับห้าของโลก
ถ้าถามว่า “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เป็นคุณพ่อแบบไหน คงไม่มีใครตอบได้ดีเท่าลูกสาวสุดรัก...พ่อคือพ่อผู้ร่ำรวย แต่จะไม่ยอมช่วยเหลือลูกในสิ่งที่ไม่จำเป็น ครั้งหนึ่งเธอต้องจ่ายค่าจอดรถที่สนามบิน แต่ไม่มีเงินสดติดตัวมา เลยหันไปขอยืมพ่อ 20 ดอลลาร์ ท่านตอบว่าเขียนเช็คมาให้พ่อก่อนสิ แม้จะเป็นเงินเล็กๆน้อยๆ แต่พ่อไม่ยอมให้เปล่าๆ อีกครั้งที่จำฝังใจคือ ตอนที่ขอยืมเงินพ่อมาขยายร้านอาหาร พ่อตอบว่าลูกควรไปกู้เงินธนาคารเหมือนคนอื่นสิ เรียกว่าถึงจะเป็นลูกมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลก แต่ก็ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
คุณปู่ตั้งใจสอนบทเรียนยิ่งใหญ่ว่า “โลกนี้ไม่มีของฟรี...ทุกอย่างล้วนมีราคาต้องจ่าย”.
มิสแซฟไฟร์