เมื่อวันที่ 19 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมด้วยนายเรเจป ทายยิป เออร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี และนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เข้าหารือร่วมกันที่เมืองลวิฟ ประเทศยูเครน เพื่อหาทางออกของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่เดือน ก.พ. โดยทั้ง 3 แสดงความกังวลถึงสถานการณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ซึ่งอยู่ในการยึดครองของรัสเซียและเรียกร้องรัสเซียถอนทหารออกไปทั้งหมด

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชียตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตอนใต้ของอ่างเก็บน้ำคาคอฟกา บนแม่น้ำนีเปอร์ ทางตอนใต้ของยูเครน โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการโจมตีหลายครั้งในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งทั้งยูเครนและรัสเซียปฏิเสธความรับผิดชอบ ด้านนายเซเลนสกีกล่าวหารัสเซียว่า ใช้โรงไฟฟ้าเป็นเกมสงคราม ทั้งเป็นฐานทัพในการโจมตีเมืองใกล้เคียงและใช้เป็นเกราะป้องกันกองทหารของตน ขณะที่นายกูเตร์เรสกล่าวว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คือสถานที่ต้องห้ามสำหรับกิจกรรมทางทหารทุกประเภท หากเกิดความเสียหายขึ้นมาก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย และจำเป็นต้องส่งคืนสู่สาธารณะโดยเร็วที่สุด เพื่อรับประกันความปลอดภัยของประชาชน

ส่วนนายเออร์โดอันเผยว่า ซาโปริชเชีย อาจเกิดหายนะจนกลายเป็น “เชอร์โนบิล” ครั้งที่ 2 ซึ่งก็คือเหตุภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลระเบิดเมื่อ 36 ปีก่อน และหลังจากนี้จะหารือเรื่องดังกล่าวโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อให้รัสเซียทำในสิ่งที่เป็นก้าวสำคัญต่อสันติภาพโลก นายเออร์โดอันยังเสริมอีกว่า เชื่อว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงได้ที่โต๊ะเจรจา ซึ่งนายเซเลนสกีและนายกูเตร์เรสเล็งเห็นตรงกัน

อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงแสดงท่าทีว่าจะไม่ถอนทหาร นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมช.ต่างประเทศรัสเซีย ออกมาโต้ตอบว่า เหตุผลที่รัสเซียตั้งฐานทัพควบคุมโรงไฟฟ้าซาโปริชเชียก็เพื่อการันตีว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบเชอร์โนบิลเกิดขึ้น นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายอีวาน เนชาเยฟ โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้ซาโป
ริชเชียเป็นเขตปลอดทหารคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

...

ทั้งนี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนอีก 800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 28,556 ล้านบาท โดยรัฐบาลสหรัฐฯช่วยเหลือยูเครนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามกับรัสเซีย คิดเป็นเม็ดเงิน
ราว 9,800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 349,958 ล้านบาท.