30 สิงหาคม 2021 พลเอกคริส โดนาฮิว ผู้บัญชาการหน่วยกองกำลังทางอากาศที่ 82 เดินกระย่องกระแย่งขึ้นเครื่องลำเลียง C17 บินออกจากสนามบินนานาชาติฮามิดคาร์ไซ กรุงคาบูล อัฟกานิสถาน นายพลโดนาฮิวเป็นทหารอเมริกันคนสุดท้ายที่ออกจากอัฟกานิสถาน แผ่นดินที่สหรัฐฯและพวกส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปทำสงครามนานเกือบ 20 ปี ถือว่าเป็นระยะเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ของการส่งทหารอเมริกันเข้าไปแทรกแซงในต่างประเทศโดยปกติสหรัฐฯและพวกเรียกตัวเองว่า Coalition forces หรือกองกำลังพันธมิตร ตอนเข้าไปในอัฟกานิสถานเมื่อ ค.ศ.2011 สหรัฐฯใช้ชื่อกองกำลังว่า International Security Assistance Force (ISAF) หรือกองกำลังช่วยเหลือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยมีชื่อภารกิจว่า Operation Enduring Freedom หรือปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืนหลังจากไล่ล่าฆ่าคนอัฟกันมานานถึง 14 ปี สหรัฐฯก็ประกาศยุติ ISAF และเปลี่ยนชื่อเป็น ORS หรือ Operation Resolute Support ที่แปลเป็นไทยได้ว่าภารกิจการสนับสนุนที่เด็ดเดี่ยว ส่วนปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืนก็เปลี่ยนชื่อเป็น OFS หรือ Operation Freedom’s Sentinel ที่แปลว่าภารกิจผู้พิทักษ์เสรีภาพ อ่านจากโซเชียลมีเดีย หลายคนยังเชื่อว่า นาโตไม่เคยไปทำร้ายไล่ล่าฆ่าใครนอกยุโรป ขอเรียนนะครับ ค.ศ.2011 สหรัฐฯและพวกมีกำลังพล อยู่ในแผ่นดินอัฟกันมากถึง 1.4 แสนนาย โดยมีทหารของนาโตร่วมในภารกิจการสนับสนุนอันเด็ดเดี่ยวของสหรัฐฯ 7,700 นายโซเวียตบุกเข้าไปในอัฟกานิสถานเมื่อธันวาคม 1979 หลังจากปลดฮาฟิซุลลอฮ์ อามีน ออกจากประธานาธิบดีแล้ว โซเวียตก็ตั้งกลุ่มปาร์ชามขึ้นมาปกครองประเทศ สหรัฐฯกลัวโซเวียตจะมีอิทธิพลเหนือดินแดนอัฟกานิสถาน ก็แอบให้การสนับสนุนอุซามะห์ บินลาเดน เพื่อต่อสู้กับโซเวียต ซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐฯมีความสัมพันธ์กันแนบแน่นแผ่นทอง เมื่ออุซามะห์ประกาศสร้างค่ายฝึกนักรบเพื่อไปสู้กับโซเวียต สหรัฐฯก็สนับสนุนและปฏิบัติการจิตวิทยาช่วยเหลือ จนมหาเศรษฐีชาวซาอุฯ และสมาชิกราชวงศ์ซะอูดให้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ทำให้อุซามะห์สามารถตั้งกลุ่มอัลกออิดะห์ โดยมี จุดประสงค์แรกคือไล่โซเวียตเมื่อไล่โซเวียตสำเร็จแล้ว ก็ได้เวลาเสร็จนาฆ่าโคถึก สหรัฐฯทิ้งบินลาเดนและอัลกออิดะห์ แถมยังสร้างคำและวลีต่างๆโยนใส่เพื่อให้อัลกออิดะห์กลายเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับโลก สหรัฐฯและพวกเก่งเรื่องการใช้คำและวลีเพื่อให้เหยื่อเป้าหมายกลายเป็นคนเลวในสายตาของคนอื่น อย่างเช่นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับอูเครน ประธานาธิบดีไบเดนเรียกปูตินว่าอาชญากรสงคราม และพยายามลากจีนซึ่งเป็นศัตรูของตนเองอีกประเทศหนึ่งเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งหลายท่านถามมาทางไลน์ไอดี @ntp59 ว่ารัสเซียมีโอกาสติดหล่มความขัดแย้งกับอูเครนในครั้งนี้เหมือนสมัยที่เข้าไปบุกอัฟกานิสถานหรือไม่ ขอตอบตรงไปตรงมาว่าไม่ทราบ แต่พิจารณาจากข้อได้เปรียบที่รัสเซียมีพรมแดนประชิดติดกับอูเครน การหลบเข้าหลบออกในแผ่นดินที่กำลังมีการต่อสู้กันทำได้ง่ายดาย ไม่ใช่กองกำลังของมหาอำนาจชาติใหญ่ที่ส่งทหารของตนเองไปรบยังดินแดนแสนไกล ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไปติดหล่ม ไม่ว่าจะสหรัฐฯที่เวียดนามและอัฟกานิสถาน หรือสหภาพโซเวียตที่อัฟกานิสถานอัฟกานิสถานเหมือนเวียดนามตรงที่เคยรบชนะมหาอำนาจมาแล้วทั้งคู่ เวียดนามเคยล่อฝรั่งเศสจนม่อยกระรอกดอกดับ คอเคซอยด์ฝรั่งเศสเองก็เคยเสียหน้าจนต้องขอให้สหรัฐฯเข้าไปสั่งสอนเวียดนามให้เข็ดหลาบสาปส่ง ทว่าเวียดนามชาติรัฐเอเชียขนาดกลาง กลับเอาไม้ไล่เคาะหัวนายพลอเมริกันดังโป๊กๆ จนหนีกลับทวีปอเมริกาเหนือกันไม่ทัน หนึ่งในบรรดามากมายหลายปัจจัยที่ทำให้มหาอำนาจทั้งสหรัฐฯและโซเวียตรบแพ้ประเทศเล็กชาติน้อยก็คือ “สถานที่รบที่อยู่ไกลบ้านและความไม่รู้จักสถานที่กับผู้คน” แม่ทัพนายกองบินอเมริกันบินไปอยู่ในเวียดนามและอัฟกานิสถานโดยไม่รู้จักใครสักคน เช่นเดียวกับแม่ทัพนายกองโซเวียตในอัฟกานิสถานแต่รัสเซียกับอูเครนมีแผ่นดินและแผ่นน้ำประชิดติดกัน เคยร่วมประเทศ ร่วมภาษาและวัฒนธรรมกันมายาวนาน รู้ไส้รู้พุงกันดี ปัจจัยเหล่านี้ทำให้อูเครนเสียเปรียบรัสเซีย.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com