“ถ่านหินเคยเป็นตัวขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อสองร้อยปีมาแล้ว แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อกำจัดเชื้อเพลิงสกปรกนี้ออกไปจากระบบพลังงานของเราโดยสิ้นเชิง”เป็นคำประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของแอน มารี เทร็ฟเวเลียน รมว.พลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหราชอาณาจักร เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน เพื่อสัญญาณชัดเจนไปทั่วโลกว่าต้องการเป็นผู้นำในการปิดฉากพลังงานถ่านหินให้อยู่เพียงในหน้าประวัติศาสตร์ และแสดงความจริงจังกับการหยุดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบพลังงาน เพื่อบรรลุเป้าด้านสภาพภูมิอากาศที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลกรัฐบาลสหราชอาณาจักรเผยว่า พลังงานถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดตัวหนึ่ง และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดมลพิษในอากาศ แต่ในปี 2563 อังกฤษ มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินคิดเป็นร้อยละ 1.8 ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนร้อยละ 40 เมื่อเกือบสิบปีก่อน และในปีเดียวกัน ยังสามารถหยุดใช้ถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าได้เป็นเวลา 5,000 ชั่วโมง ขณะที่ช่วงต้นปี 2564 ได้มีการทำลายสถิติด้านพลังงานลมด้วยการใช้ผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1 ใน 3 ของไฟฟ้าในประเทศด้วยเหตุนี้ เพื่อการมีบทบาทสำคัญในการช่วยจำกัดอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส และเพื่อเป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก่อนถึงการประชุม COP26 เมืองกลาสโกว์เดือน พ.ย.นี้ สหราชอาณาจักรจะยุติการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ “วันที่ 1 ต.ค.2567” เร็วกว่าที่วางแผนไว้ 1 ปีการประกาศนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นรัฐบาลในการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานเพื่อพาสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ได้ภายในปี 2593 และอนาคต Net Zero หรืออนาคตแห่งการปล่อยก๊าซเรือน กระจกสุทธิเป็นศูนย์ของสหราชอาณาจักรจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีนี้จะขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียวและสร้างงานใหม่ๆทั่วประเทศทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ เร่งการยุติการใช้พลังงานจากถ่านหินเช่นเดียวกัน และไม่กลับมาใช้พลังงานถ่านหินอีกต่อไป.ตุ๊ ปากเกร็ด