หลังการประชุมสุดยอดผู้นำ 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำหรือจี 7 ที่อังกฤษ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ 11-13 มิ.ย. นั้นกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต ได้มีการจัดประชุมสุดยอดต่อเนื่อง ที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมในวันต่อมา 14 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การประชุมนาโต ที่ปกติจะหารือเรื่องการรับมือกับการขยายอิทธิพลของรัสเซียมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ได้มีการมุ่งประเด็นไปที่ประเทศจีนเป็นครั้งแรก หลังกลุ่มชาติสมาชิกนาโต 30 ประเทศ ได้ลงนามรับรองแถลงการณ์สรุปตามคำเรียกร้องของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่าความทะเยอทะยานและพฤติกรรมมุ่งมั่นของจีน เป็นความท้าทายอย่างเป็นระบบต่อระเบียบสากล พร้อมกังวลต่อนโยบายเชิงบีบ บังคับของรัฐบาลจีน ไปจนถึงการขยายศักยภาพทางอาวุธนิวเคลียร์ของจีน

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ผู้นำสหรัฐฯได้พยายามล็อบบี้และกดดันผู้นำชาตินาโต หวังสร้างเครือข่ายชาติประชาธิปไตยขึ้นมาคานอำนาจรัฐบาลจีน ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร อย่างไรก็ตาม นายเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ยังคงยืนยันว่า ประเทศจีนไม่ใช่ศัตรู แต่ท่าทีของนาโตครั้งนี้เป็นเพียงแนวทางการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆที่เกิดจากจีน หลังจีนกำลังกลายเป็นชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุด และขณะนี้ก็ลงทุนงบประมาณด้านกลาโหมมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

อย่างไรก็ตาม ต่อมาหน่วยงานการทูตจีนในสหภาพยุโรป ได้ออกแถลงการณ์โจมตีการประชุมนาโตครั้งนี้ว่า เป็นการใส่ร้ายป้ายสีต่อการพัฒนาเพื่อสันติภาพ เป็นการประเมินสถานการณ์โลกที่ผิดเพี้ยน และแสดงให้เห็นว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้ยังมีความคิดเหมือนอยู่ในยุคสงครามเย็น เราไม่ได้สร้างความท้าทายให้ใคร แต่ก็จะไม่นิ่งเฉยหากมีความท้าทายมาใกล้เรา ขณะที่ความพยายามปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยของจีน ก็มีความ ชอบธรรม มีเหตุมีผล เปิดกว้างและโปร่งใส ส่วนอาวุธนิวเคลียร์ จีนครอบครองน้อยกว่าชาติสมาชิกนาโต และจีนมีความยึดมั่นที่จะไม่เอาอาวุธนิวเคลียร์ไปข่มขู่ประเทศที่ไม่มีนิวเคลียร์.

...