ไม่ใช่เรื่องเว่อร์เกินจริงที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา เคยออกมาประกาศแบน “TikTok” และทุกแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียจากจีน เพราะหวั่นถูกจีนใช้เป็นเครื่องมือสอดแนมความลับ ขณะที่กองทัพจีนก็สั่งห้ามรถไฮเทคของ “เทสลา” เข้าไปจอดในเขตทหารและอาคารรัฐบาลเด็ดขาด เพราะกลัวโดนสอดแนมจากกล้องติดรถ จนฝ่าย “อีลอน มัสก์” ต้องออกมาโต้ ถ้าทำอย่างนั้นจริง คิดเป็นสายลับให้รัฐบาล บริษัทคงโดนปิดไปนานแล้ว
จีนถนัดเรื่องการสอดแนมระดับซือแป๋ เพราะเป็นเจ้าแห่งการสอดแนมมวลชนของโลกมานานแล้ว โดยในเมืองเศรษฐกิจใหญ่ๆของจีนจะมีกล้องตรวจอัตลักษณ์บุคคลสุดไฮเทคติดตั้งครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางเมตร เพื่อคอยสอดส่องจับตามองความเคลื่อนไหวและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ทุกข้อมูลรีพอร์ตตรงถึงรัฐบาลพร้อมเรียกใช้ กระนั้น “การสอดแนมมวลชน” ที่ถูกมองจากโลกภายนอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน และความเป็นส่วนตัวของมนุษย์ สำหรับสังคมจีนแล้วกลับเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐบาลจีนล้างสมองประชาชนให้เชื่อว่าต้องยอมเสียความเป็นส่วนตัวเพื่อแลกกับความปลอดภัยของชาติ
โดนรัฐบาลสอดแนมทั้งวันทั้งคืนก็แย่อยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้การล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวยังลุกลามไปถึงวงการธุรกิจไฮเทคด้วย โดยเหล่านายจ้างบริษัทชั้นนำของจีน ทั้งอาลีบาบา, ไบท์แดนซ์ (บริษัทแม่ TikTok), เสียวหมี่ และ Weibo เว็บโซเชียลอันดับหนึ่งของจีน ยอมทุ่มงบไม่อั้นซื้อเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัยที่สุด เพื่อใช้เป็น “ดวงตาที่สาม” คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวประจำวันของลูกจ้างทุกคน ใครนั่งอู้ระหว่างงาน วันๆเอาแต่เล่น TikTok, ดูซีรีส์ ในออฟฟิศ, เปิดกระดานหุ้นระหว่างทำงาน หรือเล่นเกมฆ่าเวลา ระวังให้ดีเหอะ เจ้าของบริษัทเห็นพฤติกรรมหมด อยู่ที่ว่าจะโดนเรียกมาเช็กบิลเมื่อไหร่
...
เป็นพนักงานบริษัทไฮเทคในจีน อย่าคิดว่าจะใช้ชีวิตลั้ลลาได้เหมือนพวกซิลิคอนวัลเลย์ เพราะเทคเวิร์กเกอร์ส่วนใหญ่ของจีนต้องทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน วันละ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่ 9 โมงเช้ายันสามทุ่ม ขณะที่งานบางประเภทในบริษัทซอฟต์แวร์ ต้องอยู่โยงทั้งวันทั้งคืนตลอด 24 ชั่วโมง
“เจียง อี้” หนุ่มวงการไฮเทค วัย 32 ปี แชร์ฝันร้ายว่า ขณะที่ทำงานเป็นพนักงานเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในบริษัทเทคขนาดกลางแห่งหนึ่งของกรุงปักกิ่ง ต้องอดทนทำงานวันละ 12 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 6 วัน โดยไม่ปริปากบ่น แต่มาสติแตกทนไม่ได้ ตอนโดนหัวหน้างานเดินมาด่าถึงโต๊ะว่า ทำไมเปิดดูคลิปวิดีโอ 2 คลิปในออฟฟิศ แทนที่จะก้มหน้าก้มตาทำงาน ตอนนั้นเองที่หนุ่มเจียงรู้ว่า เขาและเพื่อนๆกำลังถูกนายจ้างจับผิดทุกความเคลื่อนไหวระหว่างทำงาน โดยบริษัทใช้ซอฟต์แวร์ “DiSanZhiYan” หรือ “ดวงตาที่สาม” เพื่อสอดส่องพฤติกรรมของลูกจ้างทุกคนแบบสดๆเรียลไทม์
“ดวงตาที่สาม” คล้ายคลึงกับซอฟต์แวร์มอนิเตอร์การทำงานของพนักงาน “CloudDesk” ในฝั่งอเมริกา แต่ถูกพัฒนาให้ล้วงลึกไปกว่าบันทึกความเคลื่อนไหวประจำวัน เพราะสามารถเปิดดูพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของลูกจ้างแบบสดๆเรียลไทม์ได้เลย ใครกำลังท่องเน็ตดูเว็บอะไรอยู่ ถูกเจ้านายเช็กบิลได้เดี๋ยวนั้น เพราะมีหลักฐานคาจอ ปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐและบริษัทไฮเทคนับพันรายที่เป็นลูกค้าของซอฟต์แวร์อัจฉริยะ
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า เมื่อปี 2018 วงการไฮเทคของจีนก็ฮือฮามาแล้วกับแอป “Zhongduantong” ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อติดตามโลเกชันของลูกจ้างแบบเกาะติดชนิดเรียลไทม์ มีบริษัทชั้นนำ ในวงการไฮเทคเกือบ 400 ราย ใช้บริการอยู่ แอปนี้น่ากลัวมาก เพราะรายงานหมดทุกฝีก้าว ตั้งแต่ลูกจ้างเข้าห้องน้ำฉี่นานแค่ไหน, แอบงีบหลับหรือเปล่า, พักกินข้าวเกินเวลาไหม หรือใครชอบสุมหัวเม้าท์ในออฟฟิศ ส่วนอีกเจ้าเทคโนโลยีสอดส่องทางออนไลน์อย่าง “Sangfor Technologies” ก็พัฒนาไปถึงขั้นสามารถตามติดประวัติการใช้มือถือ และแอปพลิเคชันของพนักงานได้ทุกครั้งที่เชื่อมต่อ Wi-Fi ของบริษัท แถมมีบริษัทใหญ่ๆเอ่ยชื่อเป็นรู้จัก สั่งบล็อกบางแอปไม่ให้ลูกจ้างโหลดได้ เพราะกลัวเสียเวลาทำงาน...ชีวิตรันทดยิ่งกว่าสาวโรงงานซะอีก เกิดเป็นลูกจ้างยุคไฮเทคไม่ต้องถามหาความเป็นส่วนตัวกันแล้ว!!
มิสแซฟไฟร์