ในช่วงต้นปี 2563 มีการนำข้อมูลจากดาวเทียมโคเปอร์นิคัส เซนติเนล-ไฟว์พี (Copernicus Sentinel-5P) ที่มีความละเอียดเชิงพื้นที่สูงและสามารถสังเกตติดตามก๊าซได้อย่างแม่นยำมาใช้ แสดงให้เห็นการลดลงของมลพิษทางอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับการปิดเมืองของหลายๆประเทศ เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

การระงับกิจกรรมประจำวัน รวมถึงงานในภาคอุตสาหกรรม การจราจรขนส่ง ประชาชนเก็บตัวอยู่ในบ้านเรือนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกันก็คือมลพิษทางอากาศลดลงอย่างมาก เมื่อดูจากข้อมูลดาวเทียม เพราะการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ลดลง เนื่องจากก๊าซตัวนี้ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศเป็นส่วนใหญ่ อันเป็นผลมาจากการจราจรและการเผาไหม้ของเชื้อ เพลิงจากซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลในกระบวนการทางอุตสาหกรรม

สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติได้ฟื้นคืนดีใจกันได้เพียงแค่ปีเดียว เพราะตอนนี้ดูทีท่าว่าระดับมลพิษทางอากาศโดยเฉลี่ยได้ดีดตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจอะไรนัก เพราะการควบคุมต่างๆ รวมถึงการปิดเมืองได้ผ่อนคลายลงในบางประเทศ กิจกรรมตามปกติกลับมาเดินหน้าต่อ ดังนั้น ระดับไนโตรเจนไดออกไซด์จึงย้อนกลับไปสู่ระดับก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ไปโดยปริยาย

หนึ่งในข้อมูลน่าสนใจจากดาวเทียมโคเปอร์นิคัส เซนติเนล-ไฟว์พี ก็คือแสดงพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของจีนในเดือน ก.พ. 2562, 2563 และ 2564 แผนที่จากดาวเทียมดังกล่าวชี้ให้เห็นความผันผวนของระดับไนโตรเจนไดออกไซด์ ข้อมูลระบุว่าความเข้มข้นของไนโตรเจนไดออกไซด์ในปักกิ่งลดลงราว 35% ระหว่างเดือน ก.พ. 2562–2563 ก่อนจะกลับสู่ระดับใกล้เคียงกันในเดือน ก.พ.2564 ขณะที่มหานครฉงชิ่งนั้น ไนโตรเจนไดออกไซด์ลดลง ประมาณ 45% ระหว่างเดือน ก.พ. 2562-2563

...

ทั้งนี้ ใช่ว่าไนโตรเจนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศจะเกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ เพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดได้จากสภาพอากาศ เช่น ความเร็วลมและเมฆ ซึ่งมาตรการควบคุมและล็อกดาวน์ที่จะคลี่คลายลงในอีกไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า ก็ทำให้คาดว่าความเข้มข้น ของไนโตรเจนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นในยุโรปเช่นกัน.

ภัค เศารยะ