สหรัฐอเมริกายังเผชิญกับสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องสิทธิคนผิวสีรายวัน จากกรณีนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสีที่ถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอจนสิ้นสติและเสียชีวิต โดยความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่แสดงท่าทีลดความตึงเครียดของผู้ประท้วงแต่อย่างใด โดยกล่าวระหว่างการเดินสายหาเสียงเลือกตั้งที่รัฐเท็กซัสเพียงว่า สนับสนุนให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพในเรื่องการใช้กำลัง และไม่ว่าที่ไหนก็จะมีแอปเปิ้ลเน่าทั้งนั้น
ทั้งนี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานด้วยว่า พรรครัฐบาลรีพับลิกันของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างพยายามหาคำพูดปลอบประโลมที่เหมาะสมกับผู้ประท้วง เพื่อลดสถานการณ์ความตึงเครียด แต่สำหรับนายทรัมป์ยังคงนำจุดยืนเรื่องการเคารพกฎหมายและความมีระเบียบเรียบร้อย มาเป็นหัวข้อหลักในการชี้แจงต่อประชาชน พร้อมข่มขู่ว่า จะส่งกองทัพบกเข้าช่วงชิงพื้นที่ที่ผู้ประท้วงยึดครองไปกลับคืนมา พร้อมเรียกผู้ประท้วงที่ปักหลักชุมนุมในเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ และผู้ว่าการรัฐที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ดูเหมือนโง่เขลา
ซึ่งวันเดียวกัน นายเจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน สังกัดพรรคฝ่ายค้านเดโมแครต ได้ออกแถลงตอบโต้ว่า คนที่ไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง ไม่ควรเข้ามาวุ่นวายกับกิจการภายในของรัฐ ขณะที่นางเจนนี เดอร์คาน นายกเทศมนตรีเมืองซีแอตเติล กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงเป็นสิทธิของพลเมือง หากจะให้พวกเราปลอดภัย นายทรัมป์ควรกลับไปอยู่ในบังเกอร์ และการข่มขู่เรื่องการใช้กำลังรุกรานเมืองซีแอตเติล เพื่อมาทำให้ประชาชนแตกแยกกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง ถือเป็นเรื่องมิสมควรและผิดกฎหมาย โดยทั้งนี้ ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงในเมืองซีแอตเติล ได้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ลดงบประมาณตำรวจ
...
นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯว่า การที่นายทรัมป์สนับสนุนให้เคลื่อนกำลังพลสำรองแนชนัล การ์ด กว่า 5,000 นาย เข้ารักษาความสงบในพื้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่งผลให้รัฐบาลกลางต้องใช้งบประมาณวันละ 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 83 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งคำนวณจากระยะเวลาที่เคลื่อนกำลังตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. จนถึงวันที่ขนกำลังออกแล้ว ได้ทำให้ทางการสูญเสียงบประมาณไปกว่า 14.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 464 ล้านบาท.