พิษไวรัสโควิด-19 ไม่ปรานีใครจริงๆ แม้แต่มหาเศรษฐีนักลงทุนยิ่งใหญ่ และปรมาจารย์ VI ของโลกอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ผู้สร้างตำนานการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านวิกฤตการณ์ใหญ่ๆ นับครั้งไม่ถ้วน ก็ยังอ่วมหนักอรทัยขาดทุนไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกบีบให้ต้องโละหุ้น 4 สายการบินยักษ์ใหญ่ทิ้งหมด พร้อมลดพอร์ตหุ้นธนาคารขายเกลี้ยง 84% หันมากอดเงินสดล้นหน้าตัก จนเหล่าสาวกถามให้แซ่ดว่า หรือคุณปู่จะหมดน้ำยาซะแล้ว เพราะเป็นครั้งแรกที่ยอมรับว่า ผมทำพลาดไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา” โดนท้าทาย เพราะหลายครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์ใหญ่ๆ สปอร์ตไลต์ก็มักจับจ้องมาที่คุณปู่ เนื่องจากนักลงทุนทั้งโลกอยากรู้ว่าจะซื้อหุ้นกลุ่มไหน ขายทิ้งอุตสาหกรรมใด จะได้เดินตามรอย แถมระยะหลังปรมาจารย์ VI ยังกลืนน้ำลายตัวเอง เผลอไปลงทุนหุ้นไม่ถูกจริต อย่างเช่น หุ้นธนาคาร และสายการบิน จนเดาทางไม่ถูก แม้แต่หุ้นกลุ่มไฮเทค “Apple” ที่เคยปฏิเสธมาตลอดก็ยังมีในพอร์ตของ “เบิร์คเชียร์ แฮทาเวย์” โชคดีที่ทำกำไรงามเด้งแล้วเด้งอีก เลยตีตื้นกลับมาได้บ้าง วิกฤติโควิด-19 รอบนี้ คุณปู่โดนแซะว่าตกรถและขายหมู เพราะยืนขาตายไม่ซื้อหุ้นอะไรเลย ทั้งๆที่ปกติต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส กวาดของดีราคาถูกเข้าเต็มพอร์ตทำกำไรงามเป็นที่ลือลั่น เด็กเมื่อวานซืนจะไปรู้อะไร เซียนระดับตำนานโลกย่อมมีแผนแยบยลในใจ ถ้าปล่อยให้ใครๆเดาทางถูกไปซะหมด คงไม่มีวันที่คุณปู่จะสร้างความมั่งคั่งหลายหมื่นหลายแสนล้าน ครองอันดับมหาเศรษฐีโลกมาต่อเนื่องข้ามทศวรรษอยากรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ต้องกลับไปพลิก “ศาสตร์แห่งบัฟเฟตต์” แล้วจะรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของการลงทุนแบบ VI ฉบับเก๋าเกม บอกเลยว่าโลกเปลี่ยนแต่ศาสตร์การลงทุนของบัฟเฟตต์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยังใช้ได้ดีในทุกยุคทุกสมัย“ช้าๆได้พร้าเล่มงาม” จงรู้จักการอดทนรอคอย เพื่อไขว่คว้าโอกาส ท่ามกลางความผันผวนอย่างหนักของตลาดหุ้น คุณปู่เป็นนักฉวยโอกาสที่ชอบเข้าไปช้อนซื้อหุ้นในยามวิกฤติ เพราะราคาหุ้นมักถูกแสนถูกต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานจริง“จงกล้าในยามที่คนอื่นกลัว และจงกลัวในยามที่คนอื่นกล้า” ช่วงเวลาดีที่สุดในการซื้อหุ้น คือช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังตื่นกลัวพากันเทขายหุ้น เพราะราคารูดแล้วรูดอีก ตรงกันข้ามช่วงเวลาขายหุ้นที่ดีที่สุด คือช่วงที่ทุกคนกำลังโลภ พากันแห่ซื้อหุ้นจนดันราคาขึ้นสูงเกินจริง กระนั้น อยากเป็นชาวสวนกระแสต้องมีความรู้และสติในการเลือกหุ้น ใจกล้าบ้าบิ่นอย่างเดียวเห็นพังมาเยอะแล้ว“อย่าใช้อารมณ์กับการลงทุน จะไม่มีวันทำได้ดี” คนส่วนใหญ่มักตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ศาสตร์ของบัฟเฟตต์กลับยึดถือความเรียบง่ายเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นควบคุมอารมณ์ ไม่ถูกความโลภ หรือความกลัวครอบงำง่ายๆ“เลือกลงทุนในสิ่งที่เข้าใจเท่านั้น” คุณปู่ไม่มีทางซื้อหุ้นที่ไม่เข้าใจในตัวธุรกิจว่าผลิตอะไร และทำกำไรอย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงยกให้ “โคคา-โคล่า” เป็นหนึ่งในหุ้นลูกรักตลอดกาล เพราะดื่มมาตลอดชีวิตวันละ 5 กระป๋อง และเมื่อรู้ตัวว่าเป็นคนโลว์เทคยังใช้มือถือรุ่นอากง “บัฟเฟตต์” จึงเลี่ยงหุ้นเทคโนโลยีมาตลอด“อดทนรวยให้เป็น ซื้อหุ้นเพื่อถือไว้หาผลกำไรระยะยาว” เวลาซื้อหุ้นบัฟเฟตต์จะตั้งสมมติฐานเสมอว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ตลาดจะไม่เปิดทำการไปอีก 5 ปี ถ้าเราสามารถถือได้อย่างสบายใจไม่ร้อนรนก็ถือว่าสอบผ่าน แต่ถ้าใครทนถือนานๆไม่ได้ และทนดูราคาหุ้นตกไป 50% ไม่ไหว ก็ไม่สมควรเข้ามาลงทุนเด็ดขาด ทุกครั้งที่ตัดสินใจซื้อหุ้นคุณปู่จะโฟกัสไปที่การวิเคราะห์กิจการและติดตามการดำเนินธุรกิจว่ายังมีผลประกอบการดีไหม อีกหลายปีข้างหน้าอนาคตของธุรกิจจะเป็นอย่างไร บริษัทนั้นทานทนต่อทุกสภาวะได้ไหม และสามารถให้ผลกำไรดีต่อเนื่องเป็นเวลานานไหม คนละเรื่องกับนักลงทุนทั่วไปมักหมกมุ่นกับการหาว่าหุ้นมีราคาเท่าไหร่ จะวิ่งขึ้นหรือดิ่งลง ทั้งๆที่ราคาหุ้นคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ.มิสแซฟไฟร์
