ผู้นำอิหร่านรับแล้ว กองทัพปล่อยขีปนาวุธสอยเครื่องบินพาณิชย์สายการบินยูเครนตกตายยกลำ 176 ศพ แต่อ้างไม่ได้เจตนาเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ เหตุเครื่องบินเข้าใกล้ศูนย์การทหารของไออาร์จีซี จนนึกว่าถูกสหรัฐฯ ตามล้างแค้น พร้อมย้ำจะหาคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ด้าน ปธน.ยูเครนเรียกร้องให้อิหร่านสอบสวนอย่างโปร่งใส ไม่ประวิงเวลา พร้อมชดใช้และส่งร่างชาวยูเครนที่เสียชีวิตคืนมา ขณะที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มทั้งภาครัฐและเอกชน โดยตัดเงินสนับสนุน มูลค่านับพันล้านดอลลาร์
จากกรณีเครื่องบินโดยสาร “โบอิ้ง 737-800 เอ็นจี” เที่ยวบิน “พีเอส 752” ของสายการบิน “ยูเครน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส” ประสบเหตุตกปริศนาหลังทะยานขึ้นจากสนามบินนานาชาติอิหม่าม โคไมนี ในกรุงเตหะราน มุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟของยูเครน เพียงไม่กี่นาที ส่งผลให้คนบนเครื่องเสียชีวิตยกลำ 176 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านและแคนาดา ตามด้วยชาวยูเครน สวีเดน อัฟกานิสถาน เยอรมัน และอังกฤษ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น และเบื้องต้นหลายฝ่ายสงสัยเครื่องบินอาจถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากอิหร่านที่กำลังเปิดปฏิบัติการตอบโต้สหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาทางการอิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่าน แถลงผ่านสื่อโซเชียล “ทวิตเตอร์” ยอมรับว่าอิหร่านยิงเครื่องบินของสายการบิน “ยูเครน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส” ตกโดยไม่เจตนา พร้อมระบุว่าอิหร่านเสียใจอย่างสุดซึ้งในความผิดพลาดขั้นหายนะครั้งนี้ และจากการสอบสวนภายในของกองทัพอิหร่านสรุปได้ว่าเครื่องบินถูกขีปนาวุธยิงตกเพราะความผิดพลาดของมนุษย์ อิหร่านจะสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โทษฐานก่อโศกนาฏกรรมใหญ่หลวงและผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้ ส่วนสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านก็เผยแพร่แถลงการณ์ของกองทัพว่าเครื่องบินถูกยิงตกเพราะความผิดพลาดของมนุษย์ หลังบินเข้าใกล้ศูนย์การทหารที่อ่อนไหวของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องบินศัตรู
...
กองทัพอิหร่านยังระบุว่า การยิงเครื่องบินของยูเครนตกมีขึ้นขณะที่ภัยคุกคามจากศัตรูอยู่ในระดับสูงสุด หลังสหรัฐฯใช้โดรนโจมตีสังหารนายพลกัสเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” ผู้นำอันดับ 2 ของอิหร่านใกล้สนามบินกรุงแบกแดดในอิรักเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ทำให้ต่อมาอิหร่านตอบโต้ ยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพ 2 แห่งในอิรักที่มีทหารสหรัฐฯ ประจำการอยู่เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ก่อนเครื่องบินตกไม่กี่ชั่วโมง จนทั่วโลกหวั่นว่าจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ไม่สั่งโจมตีกลับตามที่ขู่ไว้ วิกฤตการณ์จึงผ่อนคลายลง
ด้านนายจาวัด ซาริฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน แถลงทางทวิตเตอร์ว่า ความผิดพลาดของมนุษย์ในช่วงวิกฤติที่เกิดจากลัทธิสุ่มเสี่ยงของสหรัฐฯ นำไปสู่หายนะในครั้งนี้ อิหร่านเสียใจอย่างลึกซึ้ง ขอโทษและขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนอิหร่าน ครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิต และประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบ กองทัพอิหร่านจะปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีกในอนาคต สำนักข่าวฟาร์สของอิหร่านรายงานด้วยว่า อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดอิหร่าน ได้สั่งให้สอบสวนคดีเครื่องบินยูเครนถูกยิงตกโดยผิดพลาดอย่างโปร่งใส และบอกความจริงต่อประชาชนอย่างชัดแจ้งและซื่อสัตย์ อีกทั้งสั่งให้กองทัพแก้ไขความบกพร่อง
ก่อนหน้านี้หัวหน้าองค์การการบินพลเรือนของอิหร่าน (ซีเอไอโอ) ปฏิเสธว่าเครื่องบินลำนี้ไม่ได้ถูกขีปนาวุธยิงตก แต่สื่อหลายสำนัก รวมทั้งหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส ของสหรัฐฯ เผยแพร่วิดีโอแสดงให้เห็นขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งวาบผ่านท้องฟ้าที่มืดมิด ก่อนกระทบกับเครื่องบินจนระเบิดลุกเป็นไฟ จากนั้นประมาณ 10 วินาทีก็มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงที่พื้นดิน ส่วนนิตยสารนิวส์วีคอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอาวุโสของสหรัฐฯ และอิรักว่า เครื่องบินลำนี้ถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธ “ทอร์” ผลิตโดยรัสเซีย
ทั้งนี้ อิหร่านยังเชิญสหรัฐฯ ยูเครน แคนาดา และประเทศอื่นๆ เข้าร่วมสอบสวนคดีนี้ ขณะที่ชาติตะวันตกรวมทั้งสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ยืนยันว่ามีหลักฐานว่าเครื่องบินถูกยิงตก ซึ่งอาจเป็นลูกหลงที่ไม่เจตนา และขอให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใสเต็มที่ หลังอิหร่านส่งรถขุดดินเข้าไปเก็บซากเครื่องบิน ซึ่งอาจเป็นการทำลายหลักฐาน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอีกว่า หลังอิหร่านยอมรับว่ายิงเครื่องบินสายการบินยูเครนตก ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน แถลงทางเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้อิหร่านขอโทษอย่างเป็นทางการ สอบสวนโดยไม่จงใจประวิงเวลาและไร้การขัดขวางใดๆ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดไปขึ้นศาลลงโทษ อีกทั้งขอให้อิหร่านจ่ายค่าชดใช้และส่งศพผู้เสียชีวิตให้ยูเครน ยอมให้คณะผู้เชี่ยวชาญชาวยูเครน 45 คน เข้าถึงการสอบสวนอย่างเต็มที่
อนึ่ง เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสตีเฟน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม ระบุว่าเพื่อตัดเงินสนับสนุนรัฐบาลอิหร่านอีกมูลค่านับพันล้านดอลลาร์ โดยผู้ถูกคว่ำบาตรเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและกองทัพอิหร่าน 8 คน รวมทั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงสูงสุดแห่งชาติของอิหร่าน รองผู้บัญชาการเสนาธิการกองทัพอิหร่าน และผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธ “บาซิจ” ที่จงรักภักดีต่ออิหร่าน นอกจากนี้ ยังสั่งคว่ำบาตรบริษัทผู้ผลิตโลหะของอิหร่าน 17 บริษัท ที่ทำรายได้นับพันล้านให้อิหร่าน
ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงชี้แจงเหตุผลที่ต้องสังหารพลเอกโซไลมานีเพราะเขาสั่งให้กองกำลังติดอาวุธเตรียมโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ 4 แห่งหลังกลุ่มผู้ประท้วงที่อิหร่านอยู่เบื้องหลังบุกโจมตีปิดล้อมสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด โดยทรัมป์ชี้ว่าโซไลมานีเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทั้งทรัมป์และนายไมค์ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยันเรื่องนี้ และไม่ระบุว่าสถานทูตสหรัฐฯ ทั้ง 4 แห่งอยู่ในประเทศใดบ้าง และการโจมตีจะมีขึ้นเมื่อใด
...
วันเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า ถึงการดูแลสถานการณ์ความมั่นคงภายในประเทศจากเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านว่า ในฐานะที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และรอง ผอ.รมน. ได้แจ้งเตือนฝ่ายความมั่นคงให้ระมัดระวังในกรอบรับผิดชอบของกองทัพ แต่ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม หากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาพบเห็นสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งหน่วยงานความมั่นคงให้รับทราบ