ภาพ : Northumbria University, Newcastle
หลังจากตรวจสอบข้อมูลที่รวบรวมในระยะเวลา 10 ปี ทีมงานจากภาควิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และวิศวกรรมไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรีย ในเมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ได้เผยการค้นพบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในโคโรนา (corona) ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศนอกสุดของดวงอาทิตย์ ทำปฏิกิริยากับคลื่นเสียงที่ปล่อยออกมาจากด้านในของดวงอาทิตย์ แสดงให้เห็นว่าคลื่นแม่เหล็กของดวงอาทิตย์มีพฤติกรรมแตกต่างจากที่เชื่อกันอยู่ในปัจจุบัน
ทีมวิจัยอธิบายว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่รู้จักกันในชื่อ Alfvenicwave มีบทบาทสำคัญในการขนส่งพลังงานรอบดวงอาทิตย์และระบบสุริยะ โดยก่อนหน้านี้เคยคิดกันว่าคลื่นนี้เกิดขึ้นที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ ซึ่งมีไฮโดรเจนเดือดและมีอุณหภูมิสูงมาก ได้สร้างความปั่นป่วนต่อสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ทว่านักวิจัยกลับพบหลักฐานว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ายังทำปฏิกิริยาในชั้นบรรยากาศโดยคลื่นเสียงที่รั่วไหลจากด้านในดวงอาทิตย์นั่นเอง
คลื่นเสียงจะทิ้งร่องรอยบนคลื่นแม่เหล็ก แสดงให้เห็นว่าโคโรนาทั้งหมดของดวงอาทิตย์กำลังสั่นไหวในลักษณะที่เป็นกลุ่มเพื่อตอบสนองต่อคลื่นเสียง เป็นสาเหตุให้สั่นสะเทือนในช่วงความถี่ที่ชัดเจนมาก การตรวจสอบนี้ชี้ว่านี่คือค่าคงที่พื้นฐานของดวงอาทิตย์ และอาจเป็นค่าคงที่พื้นฐานของดาวดวงอื่นด้วยเช่นกัน.