แม้ผู้นำจีน-สหรัฐฯตกลงพักรบสงครามการค้า 90 วัน เพื่อเจรจาหาจุดลงตัว แต่เอาเข้าจริงแล้ว สหรัฐฯก็ยังไม่ไว้ใจจีนอยู่ดี

โดยช่วงเวลาเดียวกับข่าวการจับกุมลูกสาวบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หัวเว่ยของจีนนั้น ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น บริษัทโบอิ้งในนครชิคาโก ประกาศยกเลิกสัญญาต่อดาวเทียม ให้กับบริษัทสตาร์ตอัพแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ หลังตรวจสอบพบความเป็นไปได้ว่า ถูกใช้เป็น “หน้าฉาก” ให้กับกลุ่มทุนของรัฐบาลจีน

การยกเลิกสัญญาครั้งนี้ มีขึ้นหลังหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานแฉที่มาที่ไป ว่าบริษัทดังกล่าวชื่อ “โกลบอล ไอพี” มีความต้องการว่าจ้างให้โบอิ้งผลิตดาวเทียม จีไอแซต-1 นำไปใช้ขยายเครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแก่ทวีปแอฟริกา เพื่อให้ชาวบ้านจับต้องอินเตอร์เน็ตได้ในราคาถูก

ทำให้ต่อมาบริษัทโกลบอลไอพี ได้รับการติดต่อจากบริษัท “ไชน่า โอเรียน แอสเซ็ท เมเนจเมนต์” พาทีมบริหารบินไปเจรจาที่กรุงปักกิ่ง ในการประชุมมีนายเกิ้ง จี้หยวน ลูกชายอดีตผู้บัญชาการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนอยู่ด้วย ก่อนจะตกลงเรื่องเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินมีการโอนหลายขั้นตอน ผ่านบริษัทตัวแทนในฮ่องกง “ตง หยิน” มายัง “บรอนซ์ลิงค์ โฮลดิ้ง” ในเกาะบริติช เวอร์จิน ไอแลนด์

ฝ่ายจีนรับรองว่า งานนี้ไม่มีอิทธิพลของรัฐบาลจีนเข้ามายุ่งเกี่ยวแน่นอน อย่างไรก็ตาม นายอีมิล ยูสเซฟซาเดห์ อดีตผู้ก่อตั้งโกลบอลไอพี ยอมรับหลังลาออกจากทีมบริหารว่า บริษัทของตนถูกไชน่า โอเรียน ใช้บริษัทลูกในเครือเข้าเทกโอเวอร์เรื่อยๆ จนถือหุ้น 75 เปอร์เซ็นต์ มีอำนาจตั้งคณะกรรมการบริหาร 4 คน ก่อนเผยตัวตนในที่สุดว่า อยากดูข้อมูลทางเทคนิค เกี่ยวกับดาวเทียมที่ว่าจ้างโบอิ้งผลิตให้

...

ตามกฎหมายสหรัฐฯ ห้ามบริษัทของสหรัฐฯขายดาวเทียมหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยตรงแก่รัฐบาลจีนหรือบริษัทในประเทศจีน กระนั้นช่องโหว่ย่อมเกิดขึ้นให้ฉวยโอกาส

ถึงครั้งนี้สื่อและบริษัทสหรัฐฯจะไหวตัวทัน แต่ย่อมเกิดความหวาดระแวงทวีคูณ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯก็พูดได้เต็มปากตามที่กล่าวหามาตลอดว่า จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ฉากสงครามการค้าไม่จบลงง่ายๆอย่างแน่นอน.

ตุ๊ ปากเกร็ด