นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา เผยการศึกษาซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil) กระดูกกิ้งก่าขนาดใหญ่พันธุ์เมกาชิเรลลา (Megachirella) ที่พบในเทือกเขาแอลป์ ทางตอนเหนือของอิตาลี เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ของเลพิโดซอร์ (Lepidosaur) กลุ่มสัตว์เลื้อยคลานโบราณชนิดหนึ่งแต่เมื่อกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากการใช้วิธีซีที สแกน (CT scan) ฟอสซิลโครงกระดูกของเมกาชิเรลลาดังกล่าว และสร้างแบบจำลอง 3 มิติขึ้นมา พบว่าซากฟอสซิลนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 240 ล้านปี ที่สำคัญคือยังพบกระดูกเล็กๆ ในขากรรไกรล่างของเมกาชิเรลลา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสกุลสัตว์เลื้อยคลานในอันดับกิ้งก่าและงู ที่เรียกว่า สควาเมตส์ (Squamates) โดยตระกูลสควาเมตส์ได้แยกตัวออกจากกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานโบราณชนิดอื่นๆ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในยุคเพอร์เมียน (Permian) และไทรแอสสิก (Triassic) เมื่อประมาณ 252 ล้านปีที่แล้ว แต่พวกมันก็รอดชีวิตอยู่ต่อมาได้ ในขณะที่ 95% ของสิ่งมีชีวิตทางทะเล และ 75% ของสิ่งมีชีวิตบนบกสูญสลายหายไปจากโลกการค้นพบหลักฐานดังกล่าว ทำให้นักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่ากิ้งก่ายักษ์เมกาชิเรลลา จะเป็นบรรพบุรุษของกิ้งก่าและงู จำนวนนับพันชนิดในปัจจุบันนั่นเอง.