สหรัฐฯ ยังเผชิญวิกฤติ ความหนาวยะเยือกสุดขั้วหัวใจ หลายรัฐเจอจุด เยือกแข็งชนิดทำลายสถิติในรอบ 100 ปี บางเมืองที่เคยเป็นเขตอบอุ่นก็ปรากฏหิมะตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เผยหญิงชราวัย 96 ปี นั่งแข็งตายที่สวนสาธารณะ ส่วนยอดคนหนาวตาย 16 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้า สถานการณ์สภาพอากาศหนาวเย็นปกคลุมทั่วสหรัฐอเมริกา จากอิทธิพลของมวลอากาศขั้วโลกเหนือ ที่ทำให้อุณหภูมิในรัฐต่างๆต่ำกว่าจุดเยือกแข็งทำลายสถิติในรอบกว่า 100 ปี โดยเมื่อวันที่ 4 ม.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯเปิดเผยว่า ที่เมืองทาลลาฮาสซี ทางตอนเหนือของรัฐฟลอริดา ซึ่งปกติเป็นเขตอบอุ่น ได้มีหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ด้วยอุณหภูมิต่ำ -5 องศาเซลเซียส และบรรดาสวนน้ำชื่อดัง ไม่ว่าไทฟูน ลากูนของดิสนีย์ วอลเคโนเบย์ของยูนิเวอร์แซล ออร์ลันโด และอะควาติกาของซีเวิลด์ ต่างประกาศปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว ขณะที่เมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย ทางตอนเหนือของรัฐฟลอริดา มีรายงานหิมะตกทับถมสูง 5 เซนติเมตร ภายใต้อุณหภูมิ -5 องศาเซลเซียส ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีหิมะตกทับถมจนทางการสามารถวัดปริมาณความสูงหิมะได้ในรอบ 8 ปี
...

ส่วนสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯ รายงานด้วยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวตลอดสัปดาห์ครั้งนี้ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 16 ศพแล้ว ล่าสุดเป็นคนไร้บ้าน 2 คน เสียชีวิตในเมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส และที่เมืองโรสวิลล์ รัฐมิชิแกน เป็นหญิงวัย 96 ปี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบนั่งแข็งตายอยู่ที่สวนสาธารณะ นอกจากนี้ ยังรายงานว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ -12.7 องศาเซลเซียส ขณะที่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ยังมีการเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงานภายใต้อุณหภูมิหนาวเหน็บยะเยือกสุดขั้วหัวใจ จนถึงขั้นหมวกกันไฟกลายเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่บนหัว

อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยอีกว่า แม้ว่าพื้นที่ 2 ใน 3 ของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างได้รับผลกระทบจากมวลอากาศขั้วโลกเหนือนั้น แต่สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกติดมหาสมุทร แอตแลนติก อยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “พายุฤดูหนาว” กระหน่ำซ้ำ และเหตุหิมะตกในรัฐฟลอริดา ก็เป็นผลพวงจากกรณีนี้

ด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ของสหรัฐฯ และสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ อธิบายเพิ่มเติมว่าพายุฤดูหนาวดังกล่าว มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “ระเบิด ไซโคลน” ซึ่งเกิดจากความกดอากาศที่ลดลงอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง อันจะส่งผลให้เกิดกระแสลมรุนแรง ในลักษณะคล้ายกับพายุเฮอริเคน ระดับ 1 หรือระดับ 2 ที่มีความเร็วลมอย่างน้อย 113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจจะถือเป็นพายุฤดูหนาวครั้งรุนแรง กระทบภาคตะวันออกของสหรัฐฯในรอบหลายสิบปี
วันเดียวกัน ภูมิภาคยุโรป ยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเอเลียนอร์ ที่พัดจากมหาสมุทร แอตแลนติก ผ่านอังกฤษ ไอร์แลนด์ มุ่งสู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ด้วยความเร็วลมกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ศพ ในจำนวนนี้ 2 ศพ เหตุเกิดที่ทางตอนเหนือของสเปน นักท่องเที่ยวถูกคลื่นพัดจมน้ำ ทางการเบลเยียมได้ประกาศเตือนภัยระดับ 3 จากทั้งหมด 4 ระดับ ให้ประชาชนระมัดระวังในการเดินทาง และระวังสิ่งของที่ลอยตามแรงลม ส่วนเนเธอร์แลนด์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน จากเหตุต้นไม้หักโค่น
...

ต่อมาจากกรณีรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ เรื่องพายุฤดูหนาว หรือชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “ระเบิด ไซโคลน” นั้น ส่งผลให้เกิดกระแสความหวาดกลัว ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของสหรัฐฯ พากันแชร์ข้อความว่า สถานการณ์อาจจะรุนแรงหนักหน่วง เหมือนกับการระเบิดครั้งใหญ่ของธรรมชาติ จนนายไรอัน มาอู นักวิจัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ออกมาชี้แจงว่า คำว่าระเบิดหรือบอมบ์ เป็นคำเรียกสั้นๆของปรากฏการณ์ครั้งนี้ ที่มีชื่อเต็มว่า บอมโบเจเนซิส และเป็นคำที่ใช้กันมานานแล้วในแวดวงวิชาการ แต่เหตุการณ์จริงๆที่จะเกิดขึ้นนั้นมิได้รุนแรงเหมือนระเบิดอย่างใด ขอย้ำว่าไม่มีอะไรระเบิด หรือจุดชนวนระเบิดทั้งสิ้น