วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสต้อนรับชาวรัสเซียและอเมริกันพร้อมกันที่บ้านลาดกระบัง รัสเซียคนที่ว่าเป็นข้าราชการที่ไปร่วมประชุมเอเปกที่ดานัง เวียดนาม แกอยากฝากทัศนคติของรัสเซียที่มีต่อเอเปกให้คนไทยทราบ ว่าตอนนี้รัสเซียหันมาสนใจเอเปกเพิ่มขึ้นมาก และหันมาเริ่มพัฒนาพื้นที่โครงการเอเชียแปซิฟิกโดยละเอียด
การมาประชุมครั้งนี้ รัสเซียเสนอโครงการบริการประชาชนในพื้นที่เอเชียแปซิฟิกโดยใช้เว็บไซต์ของรัฐบาลของทุกประเทศ ซึ่งรัสเซียมีประสบการณ์เรื่องนี้มาน้อยไม่ต่ำกว่า 5 ปี
ที่รัสเซียตอนนี้ประชาชนติดต่อหน่วยงานราชการเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ทางเว็บไซต์โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปด้วยตนเองแล้ว แม้แต่การจดทะเบียนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ก็ทำผ่านเว็บไซต์และจะไปที่หน่วยงานราชการเพียงครั้งเดียวตอนเซ็นเอกสาร แม้แต่การเสียค่าอุปโภคบริโภคค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ก็ทำผ่านเว็บไซต์
ปัญหาระหว่างเอกชนกับราชการรัสเซียก็แก้ไขได้โดยการใช้อีเมลโต้ตอบกันทางเว็บไซต์ หรือยื่นคำร้องต่างๆผ่านทางเว็บไซต์ได้ทั้งหมด รัสเซียคิดว่าถ้าทุกประเทศเอาโมเดลของรัสเซียไปใช้ ก็จะช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของสมาชิกได้
รัสเซียมองว่า เรื่องดังๆที่เป็นข่าวจากการประชุมเอเปกกลับไม่มีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับเอเปกโดยตรงเลย อย่างเรื่องการพบกันระหว่างปูตินกับทรัมป์ ก่อนหน้าประชุมเอเปก ฝ่ายสหรัฐฯ แจ้งฝ่ายรัสเซียว่าอยากให้ผู้นำประเทศพบกัน ต้องมาคุยกันเรื่องซีเรียและเกาหลีเหนือ และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
แต่เมื่อผู้นำทั้งสองไปถึงดานัง ข่าวกลับออกมาว่าทั้งสองประเทศกำลังพิจารณาว่าจะเจอกันหรือเปล่าและเจอกันอย่างไร มีการอัพเดตกันทุกชั่วโมง ต่อมาทราบว่าฝ่ายสหรัฐฯ มาต่อรองให้ประธานาธิบดีปูตินต้องไปเจอทรัมป์ในสถานที่ที่ทรัมป์พักเท่านั้น และเวลาของการพบก็ไม่แน่นอน ฝ่ายรัสเซียจึงเฉยๆ
...
ในที่สุดผู้นำทั้งสองคนเจอกันในงาน 3 ครั้ง รวมเวลา 13 นาที จับมือกันครั้งหนึ่ง ถ่ายรูปกันครั้งหนึ่ง และคุยกันก่อนงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง ต้องยอมรับว่าผู้คนในกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียและสหรัฐฯเก่งมาก เพราะแม้ว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะไม่ได้พบกัน แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียและสหรัฐฯ คุยกันตลอดทั้งสองวัน จนสามารถออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย และนำแถลงการณ์ไปให้ปูตินและทรัมป์ลงนาม
คำแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ มีความสำคัญที่สุดอยู่ 2 อย่าง จุดแรกคือผู้นำทั้งสองรับภารกิจในการปราบไอซิสในประเทศซีเรียจนเสร็จสิ้น จุดที่สองคือทหารรัสเซียและทหารอเมริกันในซีเรียจะต้องสื่อสารกันตลอดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอุบัติเหตุระหว่างการรบ
หลังการประชุมที่ดานังเสร็จสิ้น ทั้งปูตินและทรัมป์ต่างออกมาให้ข่าวว่าจะต้องมาเจอกันอีกในเร็ววันนี้ เพื่อมาร่วมกันพิจารณาสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ
ทรัมป์ออกมาให้ข่าวว่าตนเองมีความสัมพันธ์กับปูตินที่ดีขึ้น และมีความไว้ใจกันมากขึ้นด้วย ปูตินบอกกับทรัมป์ว่ารัสเซียไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ก็พูดไปตามนั้น พูดมากจนโดนสื่ออเมริกันด่า ในที่สุดทรัมป์ต้องกลับลำมาแก้ตัวว่า ตนไว้ใจเอฟบีไอกับซีไอเอเกี่ยวกับเรื่องที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี
อีกข่าวหนึ่งซึ่งใหญ่มากที่ไม่ได้เกี่ยวกับเอเปกแต่เกิดขึ้นในระหว่างการประชุมเอเปค คือการเจรจาของบรรดาประเทศสมาชิกทีพีพี เรื่องใหญ่คือ ทีพีพีจะยังมีอยู่โดยที่ไม่มีสหรัฐฯได้หรือไม่ สื่อมวลชนของทุกประเทศสนใจเรื่องนี้มากกว่าการประชุมเอเปกซะด้วยซ้ำ จนในที่สุด รมว.เศรษฐกิจญี่ปุ่นและเวียดนามออกแถลงข่าวในห้องแถลงข่าวของเอเปก นักข่าวไม่ต่ำกว่า 300-400 คน มาร่วมรับฟังเรื่องนี้จนไม่มีที่ยืน
ขณะนี้ประเทศอาเซียนที่รัสเซียมุ่งมั่นรักษาความสัมพันธ์ก็มี ไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับฟิลิปปินส์มาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ดูเตร์เตขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งรัสเซียเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ช่วยฟิลิปปินส์ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่มินดาเนา มอบอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้ เรือรบรัสเซียก็ได้จอดที่ฟิลิปปินส์ 3 ครั้งในรอบ 2 ปี และประธานาธิบดีดูเตร์เตไปขึ้นเรือรบทั้ง 3 ครั้ง รัสเซียเองก็ไม่เอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์เรื่องภายในของฟิลิปปินส์
ข่าวฝากมีแค่นี้ครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com