ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แจงเคส "คิด เดอะริปเปอร์" ฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ ยังฟันธงไม่ได้ป่วยจิตหรือไม่ ระบุบางคนก็ทำทั้งที่ปกติ ชี้อาจเป็นนิสัย ความชอบส่วนตัว หรือมีเจตนาแอบแฝง-แรงจูงใจอื่นเป็นเหตุ
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.62 นพ.ศรุตพันธุ์ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวถึงกรณี นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ ว่า การที่มีผู้ก่อเหตุความรุนแรงขึ้นนั้น คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าคนคนนั้น ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชหรือไม่ ซึ่งต้องย้ำว่าการก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะป่วยทางจิตเวชหรือไม่ป่วย ก็สามารถก่อเหตุได้ทั้งสิ้น จึงต้องมีการตรวจวิเคราะห์พฤติกรรมเป็นรายบุคคล ซึ่งตามกระบวนการยุติธรรมแล้วต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล อัยการ หรือญาติร้องขอต่ออัยการหรือศาล ส่งเรื่องให้จิตแพทย์เข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากจิตแพทย์ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เอง หากป่วยก็รักษาควบคู่ไปกับการรับโทษทางกฎหมาย เช่น จิตเภท หูแว่ว ประสาทหลอน ได้ยินเสียงสั่งการให้ทำ ต้องฆ่า เพื่อปลดปล่อย หรือบางครั้งเป็นลัทธิความเชื่อ หรืออาจอ้างว่าได้ยินเสียงสวรรค์สั่ง เรื่องนี้ต้องนำตัวมาตรวจสอบ เพราะบางคนก็กระทำทั้งที่ปกติ อาจเป็นนิสัย แต่มีเจตนาแอบแฝง หรือมีแรงจูงใจอื่น เช่น เงิน ทอง ความอยากได้ เป็นต้น
ผอ.สถาบันกัลยาณ์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณี นายสมคิด ตนไม่มีข้อมูลว่าเคยได้รับการตรวจวิเคราะห์มาก่อนหรือไม่ จึงไม่สามารถบอกได้ แต่โดยระบบของเรือนจำในอดีตจะมี รพ.จิตเวชที่ดูแลตรวจรักษาผู้ต้องขังทั่วประเทศ ซึ่งตัวเลขเมื่อปี 2561 มีนักโทษอยู่ 3 แสนคน มีคนไข้ป่วยจิตเวชประมาณ 5 พันคน ที่มีการรักษาอยู่อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามล่าสุดที่ราชทัณฑ์มีโครงการดูแลสุขภาพนักโทษทั้งด้านร่างกาย โรคทางจิตเวชและสุขภาพในช่องปาก โดยในแง่ของจิตเวชนั้น จะมีการดูเรื่องโรคจิตเภท ซึมเศร้า ติดสุรา ยาเสพติด ดูแลควบคู่ไปกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์
...
เมื่อถามว่า หากเป็นผู้ป่วยจะสามารถวางแผน มีแบบแผนในการก่อเหตุหรือไม่ นพ.ศรุตพันธุ์ กล่าวว่า มีได้หลายแนวที่เราเคยเห็น มีการหลงผิด คลั่งลัทธิทำให้ก่อคดี โดยส่วนใหญ่หากเป็นคนไข้จิตเวชจะมีวิธีคิดของเขา ถ้าจะบอกว่าวางแผนไว้ก่อนหรือไม่ต้องไปดูว่าเป็นอย่างไร แต่ที่เคยมีเคสตัวอย่างคือฆ่าคนเพราะจะเป็นวันสิ้นโลกแล้ว ฆ่าคนที่รักเพื่อไปสวรรค์ นี่คือความหลงผิดที่ต้องประเมินว่าป่วยหรือไม่ป่วย หากป่วยก็ให้การรักษากันต่อไป ส่วนเรื่องการลงโทษก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการคืนความยุติธรรมให้สังคมด้วย
เมื่อถามว่า ก่อนปล่อยนักโทษ จิตแพทย์ต้องประเมินสุขภาพจิต สภาพจิตใจก่อนปล่อยตัวหรือไม่ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ฯ กล่าวว่า โดยระบบปกติของราชทัณฑ์จะมีระบบการปรับพฤติกรรมของคนไข้อยู่แล้ว และมีพยาบาลเรือนจำที่เราได้มีการอบรมกระบวนการทางจิตเวชให้กับพยาบาลเรือนจำ ครอบคลุมร้อยละ 90 ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา หากเขาดูแล้วมีปัญหาสุขภาพจิตก็จะส่งต่อรักษาต่อไป แต่โดยหลักผู้ต้องขังก็คือคนปกติเมื่อทำผิดพลาดก็ต้องรับโทษไป