ชื่อของ “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ เมื่อปี 2548 หรือ “แจ็ค เดอะริปเปอร์ เมืองไทย” กลับมาสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในสังคมอีกครั้ง หลังได้ลดโทษออกจากคุกมาก่อเหตุซ้ำ ฆ่าเหยื่อคนที่ 6 ใน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งลักษณะการฆ่าไม่ต่างกับในอดีต กระทำด้วยการรัดคอให้สิ้นลมหายใจ
ฆาตกรต่อเนื่องของไทย นอกจาก “สมคิด พุ่มพวง” แล้ว ในอดีตยังมีอีกหลายคน เช่น “ซีอุย มนุษย์กินคน” รวมถึง “บุญเพ็งหีบเหล็ก” ฆาตกรที่เหี้ยมโหดในสมัยรัชกาลที่ 6 ขณะเป็นภิกษุในวัดแห่งหนึ่งในนนทบุรี มีลูกศิษย์ส่วนมากเป็นผู้หญิงและร่ำรวย และได้มีสัมพันธ์กับผู้หญิงเหล่านี้ ต่อมาเกิดโลภมากในทรัพย์จึงได้ฆ่าสีกาที่เป็นเศรษฐินี 7 คน แล้วนำศพยัดใส่หีบเหล็กแล้วถ่วงน้ำทุกครั้ง ผู้คนจึงเรียกเขาว่า “บุญเพ็งหีบเหล็ก” ต่อมาเขาถูกจับได้และประหารชีวิตที่วัดพลับพลาไชย โดยบุญเพ็งเป็นนักโทษประหารชีวิตคนสุดท้ายที่ถูกสังหารโดยการตัดคอ
...
"ดร.นัทธี จิตสว่าง" อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา เคยเขียนบทความออนไลน์ ระบุในมุมมองของนักอาชญาวิทยาแล้วคนที่ประกอบอาชญากรต่อเนื่อง หรือเป็นอาชญากรรมต่อเนื่องส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีสองบุคลิก บุคลิกหนึ่งจะเหมือนกับคนปกติโดยปกติทั่วไปที่มีครอบครัว มีภรรยา มีลูก มีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีเพื่อนฝูงที่คบหาสมาคมตามปกติ บางคนไปวัดสวดมนต์เป็นประจำ แต่อีกด้านหนึ่งเป็นผู้มีปมในจิตใจ ที่ต้องระบายออกด้วยการประกอบอาชญากรรมที่จะช่วยคลายปมที่บดบังจิตใจของเขา และจะต้องกระทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้
"อาจเป็นคนที่ใกล้ตัวที่ใครๆ ไม่คาดคิดมาก่อน ไม่มีใครสงสัย ที่สำคัญอาชญากรต่อเนื่องจะเป็นผู้ที่มีความฉลาด มีการวางแผนและการระแวดระวังในการกระทำผิดเป็นอย่างดี จะเลือกลงมือกระทำผิดต่อเมื่อมีช่องโอกาสที่จะกระทำ ถ้าไม่มีโอกาสจะไม่ลงมือกระทำผิด จึงไม่แปลกที่ในการก่ออาชญากรรมแต่ละครั้งของอาชญากรต่อเนื่องมีช่วงเวลาที่ห่างกัน หรือหายไปเป็นปีๆ แล้วจึงกลับมากระทำผิดใหม่ บางรายก่ออาชญากรรมต่อเนื่องติดกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี กรณีของ จอนห์ เอฟ โทมัส จูเนียร์ ฆาตกรที่ฆ่าข่มขืนหญิงชราต่อเนื่องในสหรัฐฯ ในช่วงปี 1970-1990 หรือคดี กรีนริเวอร์ ในสหรัฐฯ ที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง 48 ศพ ทำติดต่อกันมา 19-21 ปี"
นักอาชญาวิทยามองว่า อาชญากรต่อเนื่องจะเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพแปรปรวน จะเป็นผู้ที่รู้ตัวทุกอย่างว่าจะทำอะไร ลงไปประกอบอาชญากรรมมาที่ใดอย่างใด ที่สำคัญมีการวางแผนเพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุมได้อย่างแยบยล จนสามารถหลบเลี่ยงการจับกุมไปสู่การกระทำผิดซ้ำสองและสามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบุคลิกภาพที่สองของเขาเป็นเหมือนเกราะกำบังบุคลิกมืดที่ซ่อนอยู่ โดยมักเป็นเหมือนคนดีทั่วๆ ไป ซึ่งมีความเพียบพร้อมในสังคม จนทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอย่างเขาจะเป็นผู้กระทำผิดและเป็นเหตุให้นำไปสู่การกระทำผิดที่ต่อเนื่อง
นอกจากนี้อาชญากรส่วนใหญ่จะมีความผิดปกติทางจิต มีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมผิดปกติ หรือบางรายผิดปกติทางเพศ บางรายเป็นมาก บางรายเป็นน้อย แต่ส่วนใหญ่มีความคิดที่เป็นปมอยู่ในจิตใจที่ได้รับผลกระทบมาทั้งในวัยเด็กและจากเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาในวัยทำงาน จึงต้องการประกอบอาชญากรรมเพื่อคลายปมดังกล่าว
"กรณีของ หลุยส์ การาวิโต้ ฆาตกรต่อเนื่องอันดับ 1 ของโลก ชาวโคลัมเบีย ที่ถูกจับในปี 1999 เติบโตมาในครอบครัวที่แตกแยก เคยถูกเพื่อนบ้านข่มขืนในวัยเด็ก และถูกพ่อทำร้ายมาโดยตลอด ทำให้เขามีจิตใจที่แปรปรวน พอโตขึ้นทำให้เขาข่มขืนเด็กผู้ชายและฆ่าเหยื่อมากกว่า 300 ราย เช่นเดียวกับของคดีของเอ็ด ยีน ฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นต้นตำรับในการสร้างภาพยนตร์ไซโค มีปมในวัยเด็กจนทำให้มีบุคลิกภาพที่แปรปรวน"
ขณะที่ กรณีของกรีนริเวอร์ที่ฆาตกรมีความเกลียดชังในตัวมารดา และมองว่ามารดาเหมือนเป็นหญิงโสเภณี พอโตขึ้นเมื่อเขากลับจากสงครามได้เพิ่มความก้าวร้าวและกลับมาฆ่าโสเภณีต่อเนื่อง 48 ศพ หรือแม้แต่คดีของ “ติ๊งต่าง” ฆาตกรต่อเนื่องของไทย ซึ่งยังฆ่าข่มขืนเด็กหลายคดี ก็เป็นผู้ถูกกระทำในวัยเด็กมาก่อน ถูกทอดทิ้ง ไร้ญาติขาดมิตร ไร้ตัวตน
...
รวมถึงกรณีของ “ไอ้หอย” รปภ. ที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง 7 ศพ และเลือกเหยื่อที่เป็น รปภ.ด้วยกันที่ชอบหลับยามหลังจากตักเตือนแล้ว เพราะเขาไม่ชอบ รปภ.ที่ชอบหลับยาม จึงออกตระเวนทำทีเป็นคนพิการถือไม้เท้าตามหา รปภ.ที่หลับยามเพื่อสั่งสอนและไม่ฟังจึงฆ่าเสีย แล้วจัดท่าทางให้เหมือนนอนหลับปกติ ส่วนคดีของ "แจ็ค เดอะริปเปอร์" ของอังกฤษ และคดีกรีนริเวอร์ของสหรัฐฯ เลือกเหยื่อที่เป็นโสเภณี เพราะมีปมในวัยเด็กที่เกลียดแม่ ต้องระบายออกโดยฆ่าผู้หญิงโสเภณี
ในอีกด้านหนึ่งอาชญากรต่อเนื่องจากการเลือกเหยื่อที่ไม่ค่อยมีใครสนใจและเข้าถึงได้ง่าย เช่น โสเภณี หรือเหยื่อที่อยู่ลำพัง หรือง่ายต่อการกระทำผิดและยากต่อการติดตาม เช่น เด็ก รปภ. หรือหญิงชรา โดยไม่เลือกเหยื่อที่เป็นคนรู้จักหรืออยู่ในละแวกบ้าน จะเลือกกระทำคนในท้องที่อื่น ดังนั้นอาชญากรต่อเนื่องจึงมักมีอาชีพที่สามารถเฝ้าสังเกตศึกษาพฤติกรรมเหยื่อได้ตลอด ทำให้รู้พฤติกรรมปกติของเหยื่อและช่องทางการเข้าถึงเหยื่อโดยไม่มีคนเห็น รวมถึงรู้ช่องทางหลบหนีและปกปิดได้เป็นอย่างดี
...
"การเป็นคนมีสองบุคลิกภาพ ทำให้การติดตามตัวอาชญากรต่อเนื่องทำได้ยากขึ้น กรณีของจอร์น เอฟ โทมัส ฆาตกรต่อเนื่องที่เลือกที่จะฆ่าผู้หญิงชราอายุ 60 ปีขึ้นไป มีอาชีพในเวลาปกติเป็นคนประเมินค่าเสียหายการประกันภัย ที่มีเพื่อนร่วมงานชมว่าเขาเป็นคนเงียบแต่มีมนุษยสัมพันธ์ดี และปฏิบัติงานเช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ ไม่มีวี่แววเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับชาวลอสแอนเจลิส ในช่วงปี ค.ศ.1970-1990 ปีที่ผ่านมาเลย ซึ่งเขาอาศัยการเข้าไปเยี่ยมติดต่อกับลูกค้าตามบ้านเรือนต่างๆ สังเกตพฤติกรรมและเรียนรู้ช่องทางต่างๆ และเมื่อกระทำผิดก็เลยหลบรอดไปได้"
นอกเหนือจากอาชญากรต่อเนื่องจะเลือก “เหยื่อ” ประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะแล้ว อาชญากรต่อเนื่องยังเลือกสถานที่ที่จะกระทำผิดเพื่อให้สามารถหลุดรอดจากการจับกุมได้ และจะเลือกสถานที่ที่เหยื่อจะมีโอกาสอยู่คนเดียวสองต่อสองกับอาชญากรต่อเนื่อง เป็นสถานที่ที่ยากต่อการตรวจตราการเข้าออก หรือไม่มีหลักฐานการเข้าออก เช่น กล้องวงจรปิด ซึ่งอาชญากรต่อเนื่องได้ศึกษาเส้นทางมาเป็นอย่างดี การอาศัยอาชีพอื่นบังหน้าในการสำรวจ
...
“บุคลิกภาพด้านที่สองของอาชญากรต่อเนื่อง จะถูกเปิดเผยออกมาก็ต่อเมื่อถูกจับกุมและตัดสินลงโทษในเวลาต่อมาเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็ว ปัญหามีอยู่ว่า อาชญากรต่อเนื่องพร้อมเสมอที่จะรอเวลา รอจังหวะ รอโอกาสที่จะกระทำผิดแล้วหลุดรอดไปทำครั้งต่อๆ ไป แม้จะต้องรอเป็นปีๆ ก็ตาม”.