
เมื่อคืนที่ผ่านมา (18 พ.ย.) Cloudflare ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่น่าเชื่อถือแห่งหนึ่งของโลกประสบปัญหาขัดข้องโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกประสบปัญหาเข้าใช้งานแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ไม่ได้ ทั้ง X, Spotify, ChatGPT, Claude, Perplexity, Zoom, Microsoft Teams, Canva รวมถึงเว็บไซต์สำคัญอย่างเว็บไซต์ข่าว และแอปฯ อื่น ๆ อีกจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึง แม้แต่ Downdetector (เว็บรายงานการล่มของบริการต่าง ๆ) ก็ยังล่มด้วย เพราะใช้ Cloudflare เช่นกัน
เหตุการณ์นี้ กลายเป็นหนึ่งในเหตุสะเทือนวงการดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดของปี สร้างผลกระทบชัดเจนในระดับโลกและเน้นย้ำถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่นเดียวกับปัญหาขัดข้องของ CrowdStrike และ Amazon Web Services ก่อนหน้านี้ที่ส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อเว็บไซต์และบริการออนไลน์จำนวนมากที่เชื่อมโยงกัน ตอกย้ำข้อเท็จจริงเดิมว่าระบบออนไลน์ยุคใหม่พึ่งพาบริษัทโครงสร้างพื้นฐานเพียงไม่กี่รายมากเพียงใด
Cloudflare คือ บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็น ระบบเครือข่ายนำส่งเนื้อหา หรือ CDN (Content Delivery Network) ระบบ DNS ที่ช่วยกำหนดเส้นทางการเข้าชมเว็บของผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงระบบป้องกันการโจมตี (DDoS Protection) ที่ช่วยเว็บไซต์จากการเข้าชมที่เป็นอันตราย การโจมตีของบอท และภัยคุกคามอื่น ๆ
พูดง่าย ๆ คือ Cloudflare ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์หลายล้านแห่งทั่วโลกที่ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้อย่างราบรื่น โดยปัจจุบัน Cloudflare ให้บริการแก่เว็บไซต์จำนวนมหาศาลผ่านเครือข่ายในกว่า 300 เมืองทั่วโลก
ตามประมาณการในอุตสาหกรรม Cloudflare อยู่ในเส้นทางการรับส่งข้อมูลระหว่าง 20–30% ของทราฟฟิกเว็บทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มโซเชียล อีคอมเมิร์ซ สตรีมมิ่ง แอป AI รวมถึงบริการของรัฐบาลและระบบขนส่งสาธารณะในหลายประเทศ ซึ่งทำให้ไม่ได้เป็นแค่ “ผู้ให้บริการ” แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลังของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่
เว็บไซต์จำนวนมากให้ Cloudflare จัดการทราฟฟิกทั้งหมด Cloudflare ทำหน้าที่เหมือน “ด่านหน้า” ก่อนเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์จริงของเว็บ ทำหน้าที่ตรวจจับภัยคุกคามและเร่งความเร็วให้กับเว็บไซต์ ใช้เป็นระบบ DNS หรือเส้นทางนำทางผู้ใช้ไปยังเว็บ นอกจากนี้ บริการ Edge และ Worker ของ Cloudflare ทำงานแทนเซิร์ฟเวอร์ เว็บไซต์จำนวนมากรันโค้ดหรือการประมวลผลผ่านระบบของ Cloudflare ถ้าล่มก็จะหยุดทำงานทั้งหมด
ดังนั้นถ้า Cloudflare มีปัญหาแม้เพียงเสี้ยววินาที ระบบออนไลน์จำนวนมากก็พร้อมล่มไปพร้อมกัน โดยเหตุการณ์ล่มครั้งใหญ่ที่กระทบทั่วโลกเมื่อคืนนี้ ช่วงเวลาใกล้เที่ยงคืนตามเวลาไทย ผู้ใช้งานทั่วโลกเริ่มรายงานว่าเข้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันยอดนิยมไม่ได้ พร้อมขึ้นข้อความ “HTTP 500- Internal Server Error” หรือ “502 Gateway Error” อย่างแพร่หลาย
ตามการรายงานการหยุดชะงัก Cloudflare ชี้แจงถึงการตรวจพบการเสื่อมถอยภายในของระบบบริการหลักที่ส่งผลให้การเชื่อมต่อของผู้ใช้ทั่วโลกล้มเหลวแบบฉับพลันภายในไม่กี่นาที โดยยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การโจมตีไซเบอร์
Cloudflare อธิบายภายหลังว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากปริมาณทราฟฟิกผิดปกติที่พุ่งสูงแบบไม่คาดคิด ทำให้เกิดข้อผิดพลาดต่อเนื่องในระบบ Routing ภายใน แม้บริษัทจะปล่อยแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ย้ำว่าบางบริการอาจยังคงพบอัตราความผิดพลาดสูงกว่าปกติจนกว่ากระบวนการทั้งหมดจะกลับสู่ภาวะปกติ
เหตุการณ์เมื่อคืนตอกย้ำว่า แม้อินเทอร์เน็ตจะถูกออกแบบให้กระจายตัว แต่ในความเป็นจริงเราพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะ Cloudflare ที่ดึงเว็บไซต์และบริการออนไลน์ทั่วโลกให้หยุดทำงานตามไปด้วย ไม่ต่างจากการล่มของระบบผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่หลายครั้งก่อนหน้านี้ ที่ตอกย้ำถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาโครงสร้างอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการรายเดียวมากเกินไป ซึ่งในทุกกรณีสาเหตุไม่ใช่การโจมตีไซเบอร์ แต่เป็นความซับซ้อนของระบบอัตโนมัติ รวมศูนย์ และมีจุดเปราะบางร่วมกัน
คำอธิบายของ Cloudflare เกี่ยวกับ “ปริมาณทราฟฟิกผิดปกติ” ยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ตั้งข้อสังเกต เนื่องจากทศวรรษที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่ระดับประวัติการณ์ บางครั้งมีแบนด์วิดท์มากกว่า 2.5 Tbps และมีแคมเปญโจมตีอย่าง Meris botnet ที่ Cloudflare เป็นผู้รับมือด้วยตนเอง
นอกเหนือจากบริการล่มชั่วคราว เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนสำคัญของธุรกิจและภาครัฐ ว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงเจ้าเดียว (Single Point of Failure) อาจสร้างความเสี่ยงระดับระบบที่กระทบถึงการใช้ชีวิตของประชาชน ตลอดจนการพิจารณาถึงแนวทางการใช้ระบบสำรองหรือการเลือกผู้ให้บริการหลายเจ้า โดยเฉพาะการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นและกระจายตัวมากขึ้นบนโครงสร้างแบบ Multi-cloud และ Multi-CDN
ทั้งนี้ล่าสุด Cloudflare ระบุว่าได้แก้ไขปัญหา (Fix implemented) และเชื่อว่าเหตุการณ์ล่มดังกล่าว ได้รับการแก้ไขแล้ว ในช่วงบ่าย 14:42 UTC หรือราว 21:42 ตามเวลาไทย แม้ว่าบางระบบอย่างแดชบอร์ดหรือตัว API อาจยังพบอัตราความผิดพลาดที่สูงกว่าปกติ แต่บริษัทชี้แจงว่ากำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติเต็มรูปแบบต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
ที่มาข้อมูล Reuters , The Guardian , The Independent , Cloudflare
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -