
Meta เผชิญแรงเทขายหุ้นต่อเนื่อง หลัง Reuters รายงานว่ารายได้โฆษณา 10% มาจากโฆษณาหลอกลวง
แรงเทขายหุ้น Meta ยังคงต่อเนื่อง หลังรายงานจากสำนักข่าว Reuters เปิดเผยถึงเอกสารภายในของบริษัทประเมินว่า มากกว่า 10% ของรายได้จากโฆษณาในปี 2024 หรือราว 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.2 แสนล้านบาทต่อปี มาจากการ “โฆษณาหลอกลวง” (Scam Ads) บน Facebook และ Instagram ที่แสดงโฆษณาลักษณะดังกล่าวมากถึง 15,000 ล้านชิ้นต่อวัน ทั้งการหลอกลวงลงทุน การรับพนันออนไลน์ ไปจนถึงการขายยาต้องห้าม
แม้ Meta จะออกมายืนยันความโปร่งใส พร้อมชี้แจงว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการประเมินแบบกว้างๆ และเอกสารที่หลุดออกมานั้นสะท้อนเพียงมุมมองบางส่วนของกระบวนการตรวจสอบภายในเท่านั้น แต่รายงานนี้ได้สร้างแรงกดดันทางภาพลักษณ์อย่างหนัก
โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลว่า Meta อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนโดยสำนักงานกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ในประเด็นการโฆษณาเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงินขณะเดียวกันหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักรได้รายงานก่อนหน้านี้เช่นกันว่า ในปี 2023 แพลตฟอร์มของ Meta มีส่วนเกี่ยวข้องกับกว่า 54% ของความสูญเสียจากการฉ้อโกงการชำระเงินทั้งหมดในประเทศ มากกว่าทุกแพลตฟอร์มรวมกัน
ราคาหุ้น Meta ร่วงลงต่อเนื่อง อีก 2.3% เหลือราว 620.75 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รวมแล้วร่วงลงมากว่า 17.5% ภายในสัปดาห์เดียว หลังจากก่อนหน้านี้หุ้นทรุดหนักกว่า 11% ทันทีหลังประกาศงบไตรมาส 3 แรงกดดันนี้ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของ ซีอีโอ Mark Zuckerberg ลดลงกว่า 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.5 แสนล้านบาท เหลืออันดับที่ 6 ของโลก จากเดิมที่เคยอยู่อันดับ 3 รองจาก Elon Musk และ Larry Ellison โดยปัจจุบันเขาถูกแซงโดย Jeff Bezos, Larry Page, และ Sergey Brin ตามการจัดลำดับของ Forebes
ก่อนหน้ารายงานจาก Reuters เพียงไม่กี่วัน Meta เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งแม้จะเติบโตด้านรายได้ 26% เป็น 5.12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กำไรต่อหุ้น (EPS) ตามมาตรฐาน GAAP ร่วงถึง 84% เนื่องจากรายการภาษีครั้งเดียวมูลค่า 1.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก “One Big Beautiful Bill Act” ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้แม้จะ “ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด” แต่กลับสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน เพราะ Meta ประกาศแผนจะเพิ่มรายจ่ายด้านการลงทุน (Capital Expenditures) และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating Expenses) อย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า โดยบริษัทระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนจะเพิ่มขึ้นมากในปี 2026 และขยายตัวเร็วกว่าปีนี้อย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า
Meta ปรับเพิ่มงบลงทุน (CapEx) ปีถัดไปจากช่วงคาดการณ์เดิม 6.6-7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 7.0-7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า Meta กำลังเข้าสู่รอบการลงทุนขนาดใหญ่ (CapEx super cycle) อีกครั้ง โดย Mark Zuckerberg ซีอีโอบริษัท กล่าวว่าการมุ่งสู่ Superintelligence คือเป้าหมายหลัก และ Meta ต้องลงทุนอย่างจริงจังในโครงสร้างพื้นฐาน AI ตอนนี้ หากต้องการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันรายได้
แม้ Meta จะยังคงเป็นเครื่องจักรทำเงินจากโฆษณาที่ทรงพลังที่สุดในโลก แต่การที่รายได้ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มโฆษณาที่มีพฤติกรรมหลอกลวงได้สร้างคำถามใหญ่ต่อความโปร่งใสของโมเดลธุรกิจ เมื่อนำมาพิจารณาต่อเนื่องกับภาระต้นทุนการลงทุน AI มูลค่ามหาศาล รวมถึงหน่วย Reality Labs ที่ยังขาดทุนปีละหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การเติบโตหลักของ Meta ยังคงขับเคลื่อนโดยธุรกิจโฆษณา ซึ่งได้แรงหนุนจากเทคโนโลยี AI, การสร้างรายได้จาก Reels, สภาพตลาดโฆษณาที่แข็งแรง และฐานผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและเวลาใช้งาน ดังนั้นประเด็นรายได้จากโพสต์สแกมเมอร์อาจกลายเป็นแรงกดดันใหม่ที่ไม่เพียงฉุดราคาหุ้นบริษัท แต่ยังสั่นคลอนสถานะความมั่งคั่งของ Mark Zuckerberg เองด้วย
หลังประเด็นดังกล่าวถูกเผยแพร่ หุ้นของ Meta ปรับตัวลดลงราว 2.6% ขณะที่บริษัทออกแถลงการณ์โต้พร้อมยืนยันว่า Meta ดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อการโฆษณาหลอกลวงบนแพลตฟอร์มของตน โดยกล่าวว่า เอกสารที่รั่วไหลออกมาได้นำเสนอข้อมูลบางส่วนที่บิดเบือนแนวทางของ Meta ในการรับมือกับการฉ้อโกงและหลอกลวง
“เราต่อสู้กับการฉ้อโกงและหลอกลวงอย่างจริงจัง เพราะผู้คนบนแพลตฟอร์มของเราไม่ต้องการเนื้อหาเหล่านี้ ผู้ลงโฆษณาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ต้องการและเราเองก็ไม่ต้องการเช่นกัน”
ด้าน โฆษก Meta ประเทศไทย กล่าวว่า "ผู้หลอกลวงเป็นอาชญากรที่มีความพยายามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักได้รับแรงขับเคลื่อนจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่ดำเนินการในระดับโลก และมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกิจกรรมหลอกลวงมีความต่อเนื่องและซับซ้อนมากขึ้น ความพยายามของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เอกสารที่รั่วไหลออกมาได้นำเสนอข้อมูลบางส่วนที่บิดเบือนแนวทางของ Meta ในการรับมือกับการฉ้อโกงและหลอกลวง โดยเน้นเฉพาะความพยายามของเราในการประเมินขนาดของปัญหา ไม่ใช่การดำเนินการทั้งหมดที่เราได้ทำเพื่อแก้ไขปัญหา"
"ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา รายงานจากผู้ใช้เกี่ยวกับโฆษณาหลอกลวงลดลงมากกว่า 50% และในปี 2025 นี้ เราได้ลบเนื้อหาโฆษณาหลอกลวงไปแล้วมากกว่า 134 ล้านชิ้น นอกจากการลบเนื้อหาหลอกลวงโดยตรง เรายังนำข้อเสนอแนะจากผู้คนมาวิเคราะห์เพื่อเข้าใจประสบการณ์ของพวกเขาและระบุสถานการณ์ที่อาจไม่เห็นได้ชัดเจนในทันทีว่าเป็นการหลอกลวง เรานำข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาใช้ฝึกระบบของเราให้สามารถตรวจจับเนื้อหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกันได้อย่างเชิงรุก"
อ่านเพิ่มเติม Meta เจอแรงกระแทกภาษีชุดใหญ่ รายได้พุ่งแต่กำไรหด แม้ธุรกิจโฆษณาโตดี - แว่น AI ขายหมดเกลี้ยง
ที่มาข้อมูล Reuters , Yahoo Finance , Forbes
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -