
Meta Platforms Inc. บริษัทเทคโนโลยีเจ้าของโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ระบุรายได้ดีเกินคาด แต่หุ้นกลับร่วงลง 9% หลังบริษัทชี้แจงว่า บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีครั้งเดียว (One-Time Tax Charge) มูลค่ากว่า 15,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังรัฐบาลมีการปรับนโยบายใหม่ One Big Beautiful Bill หรือกฎหมายเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีของสหรัฐอเมริกา
ผลประกอบการตามรายงานของ Meta ประจำไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2025 มีรายละเอียดดังนี้
โดย Meta ต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในไตรมาส 3 ปี 2025 ที่ต้องรวมรายการภาษีแบบไม่ใช้เงินสดครั้งเดียว (One-Time, Non-Cash Income Tax Charge) จำนวน 15,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่ากำไรจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้องชำระภาษีเงินสดตามระดับรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2025 และในปีต่อ ๆ ไป เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมาย One Big Beautiful Bill
Meta ชี้แจงว่า หากไม่รวมรายการภาษีพิเศษครั้งเดียวนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอีก 15,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 18,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบัน Meta มีฐานผู้ใช้งานประจำต่อวันรวมทุกแอปพลิเคชันที่ราว 3,540 ล้านคน (สูงกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 3,500 ล้านคน) ส่งผลให้รายได้โฆษณาในไตรมาสนี้อยู่ที่ 50,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดที่ 48,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนรายได้จากธุรกิจต่าง ๆ ในเครือ Meta พบว่าบางส่วนยังโตดี ในขณะที่ Reality Labs ยังขาดทุนหนัก โดยธุรกิจฮาร์ดแวร์ AR/VR ของ Reality Labs มีรายได้อยู่ที่ 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดทุนไป 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แว่นตา AI Glasses แม้ Quest จะเจอแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมา แต่ Meta คาดรายได้จากแว่น AI จะโตแรงในไตรมาสถัดไป เนื่องจากในเดือนกันยายน บริษัทได้เปิดตัว Meta Ray-Ban Display ในราคา 799 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นแว่น AI รุ่นแรกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป มาพร้อมจอในตัวและสายคาดข้อมือระบบประสาท โดยบริษัทชี้แจงว่า ตอนนี้แว่นตาสินค้าขายหมดแล้ว แถมคิวเดโมยังเต็มจนถึงสิ้นพฤศจิกายน
แนวโน้มในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ บริษัทมองว่า รายได้ในไตรมาสนี้ จะอยู่ที่ระหว่าง 56,000 ถึง 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับปรับประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งปีเพิ่มขึ้นอีก คาดว่ารวมแล้วจะอยู่ที่ 116,000 ถึง 118,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเดิมที่ราว 114,000 ถึง 118,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta อธิบายว่า “บริษัทยังต้องใช้พลังประมวลผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนา AI ทำให้ค่าใช้จ่าย Data Center และคลาวด์สูงขึ้น” พร้อมกับระบุต่อว่า “การลงทุนครั้งใหญ่นี้มีโอกาสทำกำไรในอนาคต”
นอกจากนี้ ปีนี้ Meta ได้ทำการลงทุนใหญ่ใน AI และปรับทีมงานครั้งใหญ่หลัง Llama 4 เปิดตัวออกมาได้ไม่แรงอย่างที่หวัง โดยได้เลิกจ้างพนักงาน 600 คน ในทีม Superintelligence Labs และยังได้บรรลุข้อตกลงร่วมทุนมูลค่า 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้าง Data Center ขนาดใหญ่ในรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney