โอกาสทองหรือกับดัก? กระแส AI-ชิป ดันหุ้นจีนพุ่งแรง ราคาวิ่งแซงปัจจัยพื้นฐานเสี่ยงปรับฐานต้นปีหน้า

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

โอกาสทองหรือกับดัก? กระแส AI-ชิป ดันหุ้นจีนพุ่งแรง ราคาวิ่งแซงปัจจัยพื้นฐานเสี่ยงปรับฐานต้นปีหน้า

Date Time: 30 ก.ย. 2568 11:40 น.

Video

ต้นทุนพุ่ง! นำเข้าสินค้าออนไลน์ เตรียมรับมือ ภาษีนำเข้า 1 บาท (ม.ค. 69)  | Thairath Money Night Stand EP.25

Summary

หุ้นเทคจีนร้อนแรง เริ่มส่งสัญญาณปรับฐาน แรงซื้อรายย่อยหนุนดัชนีแตะระดับสูงสุดรอบ 3 ปี กลุ่ม AI-เซมิคอนดักเตอร์พุ่งแรง แต่เสี่ยงมูลค่าสูงเกินพื้นฐาน นักวิเคราะห์เตือนตลาดอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่

Latest


ตลาดหุ้นจีนปีนี้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จากความก้าวหน้าด้าน AI ความพยายามสร้างความมั่นคงด้านชิปภายในประเทศ และการรณรงค์ของรัฐบาลปักกิ่งในการหยุดยั้งสงครามราคา ทำให้นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่น แต่หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่าตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะ “ฟองสบู่” หรือไม่

ล่าสุดนักวิเคราะห์เตือนว่า กระแสการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่ม AI อาจกำลังเข้าสู่ช่วงปรับฐานจนถึงต้นปีหน้า นำโดยแรงบวกของตลาดหุ้นจีนที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากระดับมูลค่าหุ้นเริ่มตึงตัว แม้จะมีปัจจัยหนุนจากนโยบายรัฐและความก้าวหน้าในด้าน AI ในช่วงที่ผ่านมา

กระแส AI ในตลาดหุ้นจีนเริ่มตึงตัว

ดัชนี CSI 300 ซึ่งปรับขึ้นกว่า 17% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี คาดว่าจะปิดสิ้นปีนี้ที่ระดับ 4,675 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 1.2% จากปัจจุบัน ขณะที่ปี 2026 มีการคาดการณ์ว่าตลาดจะโตเพียง 5.5% ภายในกลางปีหน้า สะท้อนการฟื้นตัวที่ชะลอลง

ปีนี้การพุ่งแรงของหุ้นจีนมาจากความร้อนแรงของหุ้นกลุ่ม AI โดยดัชนี Hang Seng Tech Index ทะยานขึ้นถึง 42% นำโดยผู้ผลิตชิปในประเทศอย่าง Hua Hong Semiconductor และ Semiconductor Manufacturing International Corp. (SMIC) กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปีนี้ ที่ราคาหุ้นพุ่งกว่า 233% และ 140% ตามลำดับ ขณะที่ Alibaba Group ปรับขึ้นเกือบ 50% ในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว หลังประกาศแผนลงทุนด้าน AI มหาศาล

แม้การประเมินมูลค่าใหม่ของหุ้นเทคโนโลยีจีนและสัญญาณเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามา สร้างความหวังว่าจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีหลายฝ่ายเตือนว่าราคาหุ้นกำลัง “วิ่งแซงปัจจัยพื้นฐาน” และนักลงทุนอาจเริ่มเรียกร้องผลตอบแทนจริงมากกว่าข่าวการลงทุน

Raymond Cheng ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนภูมิภาคเอเชียเหนือจาก Standard Chartered ระบุว่า “การพุ่งขึ้นของหุ้นจีนในรอบนี้ดูจะไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ” โดยมีแรงหนุนสำคัญจากนักลงทุนรายย่อยที่ย้ายเงินฝากบางส่วนจากธนาคารเข้าสู่ตลาดหุ้น

ข้อมูลจาก HSBC ชี้ว่า นักลงทุนรายย่อยครองสัดส่วนการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนถึง 90% ของปริมาณการซื้อขายต่อวัน ตรงกันข้ามกับตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ทั่วโลก เช่น นิวยอร์ก ที่นักลงทุนรายย่อยมีส่วนเพียง 20–25% เท่านั้น
ด้าน Goldman Sachs ประเมินว่าตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงเพิ่มมูลค่ารวมกันกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจจริงยังไม่แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ขณะที่ Nomura ออกคำเตือนเมื่อเดือนที่แล้วถึงความเสี่ยงการก่อหนี้เกินตัวและความเป็นไปได้ที่จะเกิดฟองสบู่ หลังจากที่ตลาดยังคงพุ่งขึ้นสวนทางกับเศรษฐกิจจีนที่เริ่มแผ่วแรงในครึ่งปีหลัง

แม้แรงซื้อปีนี้จะช่วยลบภาพไม่น่าลงทุนของจีนไปบ้าง แต่ความกังวลเชิงลึกยังคงอยู่ ผลสำรวจสะท้อนความระมัดระวังของตลาด ทั้งปัญหาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายในยุคทรัมป์ และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซายังคงกดดันเม็ดเงินลงทุนต่างชาติให้ชะลอการไหลเข้า แม้จะมีแรงหนุนจากกระแส AI และการสงบศึกชั่วคราวกับสหรัฐฯ เรื่องภาษี

ทั้งนี้กระแสเงินทุนต่างชาติจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนดัชนีหุ้นจีนให้สูงขึ้นในระยะถัดไป รองลงมาคือมาตรการนโยบายรัฐและการผ่อนคลายการเงิน ความก้าวหน้าเทคโนโลยี AI การปรับปรุงตัวเลขเศรษฐกิจและการโยกย้ายเงินออมครัวเรือนจีนเข้าสู่การลงทุน รวมถึงการคลี่คลายสงครามการค้า ล้วนเป็นปัจจัยหนุนตลาดจีนในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีแรงซื้อที่หนุนด้วยหุ้นเทคและ AI ดันตลาดจีนทะยานตลอดปีนี้จะสิ้นสุดเมื่อเข้าสู่ปี 2026 นักลงทุนเริ่มมองว่าตลาดกำลังเข้าสู่ “ช่วงปรับฐาน” เพราะมีเงินทุนต่างชาติเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อการยืนระยะของตลาด และตลาดอาจกลับสู่ความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ หากไม่มีธีมใหม่เข้ามาดึงดูดความสนใจของนักลงทุนหลังจากนี้

ที่มาข้อมูล CNBC   Bloomberg

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ