SAP ขับเคลื่อน Business AI ไวกว่า ไปได้ไกลกว่า เมื่ออนาคตเลี่ยงไม่ได้ ที่จะมีเพื่อนร่วมงานเป็น AI

Tech & Innovation

Tech Companies

Tag

SAP ขับเคลื่อน Business AI ไวกว่า ไปได้ไกลกว่า เมื่ออนาคตเลี่ยงไม่ได้ ที่จะมีเพื่อนร่วมงานเป็น AI

Date Time: 8 มิ.ย. 2568 08:00 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

SAP ประกาศ Business AI ที่เน้นการทำงานบนข้อมูลขององค์กรเอง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

  • เปิดตัว AI Agent หลากหลายรูปแบบที่ทำงานแทนมนุษย์ในกระบวนการธุรกิจต่างๆ
  • SAP ร่วมมือกับ Perplexity AI และ Palantir เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล
  • AI Agent ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์เพื่อการทำงานอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม
  • CP Foods, ALDO, และ Team Liquid เป็นตัวอย่างความสำเร็จจากการใช้ SAP และ AI

Latest


ผ่านมาไม่นานกับงาน SAP Sapphire 2025 งานประชุมประจำปีระดับโลกของ SAP บริษัทซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรธุรกิจสัญชาติเยอรมัน ซึ่งเป็นงานหลักที่รวบรวมผู้นำทางธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของ SAP นวัตกรรมล่าสุด และโซลูชันชั้นนำของอุตสาหกรรมที่นำมาใช้งานจริง

Thairath Money สื่อไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม SAP Sapphire 2025 ณ เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปีนี้ SAP ก็ได้ประกาศถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ “Business AI” ที่ปัญญาประดิษฐ์จะไม่ได้มีหน้าที่แค่ช่วยคิด แต่จะช่วยลงมือทำงานแทนได้จริง พร้อมตั้งเป้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้สูงสุดถึง 30% โดยเน้นให้ทุกคนเข้าถึง AI อย่างเท่าเทียมกัน

Christian Klien ซีอีโอ SAP บนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025
Christian Klien ซีอีโอ SAP บนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025

“เราไม่ได้สร้าง AI ทั่ว ๆ ไป แต่เราสร้าง Business AI ที่ทำงานบนข้อมูลของคุณเอง ฝังตัวอยู่ในกระบวนการทำงานจริงของคุณ และถูกออกแบบมาให้มีธรรมาภิบาลตั้งแต่ต้น” Christian Klien ซีอีโอของ SAP กล่าวบนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025


รู้จักแนวคิดภายใต้ Business AI

อย่างที่ทราบกันดีว่า SAP คือหนึ่งในผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ระบบการจัดการสำหรับองค์กร ที่ออกแบบโซลูชันองค์กรแบบครบวงจร ทำให้การก้าวสู่ยุคใหม่ที่ AI เข้ามามีบทบาทกับธุรกิจและชีวิตของคน ทาง SAP จึงมาพร้อมแนวคิดที่ว่า AI ไม่ใช่แค่ “ฉลาด” แต่จะต้องเข้าใจ “ธุรกิจคุณ” อย่างลึกซึ้งและลงมือทำได้จริง

แนวคิด Business AI ของ SAP คือ การพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับโลกของธุรกิจจริงไม่ใช่แค่ AI ทั่วไปที่ให้คำตอบแบบกว้าง ๆ แต่เป็น AI ที่เข้าใจบริบท กระบวนการ และข้อมูลภายในของแต่ละองค์กรอย่างลึกซึ้ง

ด้วยการวางให้ AI ทำงานเชื่อมต่อกับทุกแอปพลิเคชันในระบบ ทั้งการเงิน การผลิต การจัดซื้อ หรือทรัพยากรบุคคล โดยมี “Joule” เป็น GenAI ที่สามารถติดตามผู้ใช้ไปทุกที่ทุกแอปฯ คอยดึงข้อมูล ช่วยวิเคราะห์ สรุป และแนะนำแนวทางให้แบบเรียลไทม์ ขณะที่ “Joule Agents” หรือผู้ช่วย AI สามารถทำงานแทนได้บางส่วน อย่างเช่น การอนุมัติคำสั่งซื้อ หรือปรับแผนซัพพลายเชนอัตโนมัติ

นอกจากนี้ SAP ยังได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง Perplexity AI และ Palantir เพื่อให้ AI สามารถใช้ทั้งข้อมูลภายในและข้อมูลภายนอก มาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้นของธุรกิจ

Christian Klien กล่าวว่า “ลองจินตนาการดูว่า ถ้าคุณสามารถถาม AI ได้เลยว่า ‘เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ล่าสุด จะกระทบตัวเลขไตรมาส 3 ของเรายังไงบ้าง?’ แล้ว AI ก็วิเคราะห์พร้อมสรุปออกมาเป็นกราฟคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจได้เลยแบบเรียลไทม์ มันจะดีแค่ไหน”

Aravind Srinivas ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Perplexity AI (ซ้าย) ขึ้นเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025 ร่วมกับ Christian Klien ซีอีโอ SAP (ขวา)
Aravind Srinivas ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Perplexity AI (ซ้าย) ขึ้นเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025 ร่วมกับ Christian Klien ซีอีโอ SAP (ขวา)

โดยการประกาศจับมือกับ Perplexity AI นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนา Joule ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากภายในองค์กร อย่างเช่น ระบบ ERP, การเงิน, HR เข้ากับข้อมูลภายนอก อย่างเช่น ข่าวสาร สถานการณ์โลก กฎระเบียบ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถามคำถามเชิงธุรกิจที่ซับซ้อน แล้วได้รับคำตอบที่เจาะจงและอิงข้อมูลจริง

Alex Karb ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Palantir บนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025
Alex Karb ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Palantir บนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025

และนอกจากเรื่องของ AI แล้ว ในส่วนของความร่วมมือกับ Palantir Technologies บริษัทชั้นนำด้าน AI และการสร้างแบบจำลองข้อมูล (Modeling & Operational AI) จะเป็นการผสานความสามารถด้านการวิเคราะห์เชิงลึกและการจำลองเหตุการณ์ของ Palantir เข้ากับข้อมูลธุรกิจเรียลไทม์ของ SAP ผ่าน SAP Business Data Cloud เพื่อช่วยองค์กรเร่งกระบวนการย้ายระบบขึ้นคลาวด์อย่างปลอดภัย และสร้างระบบข้อมูลที่ต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ โดยเน้นรองรับองค์กรระดับสูง เช่น หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ และยังช่วยให้องค์กรสามารถคาดการณ์สถานการณ์ อย่าง ปัญหาซัพพลายเชน การเปลี่ยนแปลงอุปสงค์ แล้วปรับแผนการผลิต การจัดซื้อ หรือแม้แต่แผนการเงินได้ทันที โดยไม่ต้องรอวิเคราะห์ทีหลัง

“นี่แหละคือวิธีที่ SAP ช่วยให้คุณขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในโลกที่ไม่แน่นอน” Christian Klien กล่าว


ก้าวต่อไป ยกระดับ AI Agent สู่ Robotic

ในยุคที่ทุกองค์กรอยากได้ “AI ที่ทำได้มากกว่าคิดเลข” SAP จึงเลือกเดินเกมชัด ประกาศเปิดตัว AI Agent บนเวที SAP Sapphire 2025 พร้อมเปลี่ยนนิยามของ AI จากเครื่องมือให้กลายเป็นเพื่อนร่วมงานดิจิทัล

โดย AI Agent สำหรับ SAP คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ใช่แค่ช่วยคิด แต่สามารถเข้าใจสถานการณ์ ตัดสินใจ และลงมือทำได้เองแบบอัตโนมัติ ทั้งยังเชื่อมการทำงานข้ามระบบในองค์กร เช่น ERP, CRM, การเงิน และ HR ได้ครบวงจร

Dr. Philip Herzig, Chief Technology Officer (CTO) และ Chief AI Officer ของ SAP เรียกภาพนี้ว่า “From insight to outcome” หรือแปลให้เข้าใจง่ายคือ “คิดได้แล้ว ทำเลย” โดยที่ไม่ต้องรอมนุษย์มาสั่ง พร้อมยืนยันว่า AI Agent ทุกตัวฝังอยู่ในระบบที่ใช้อยู่เดิม ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ และทำงานภายใต้แนวทาง Responsible AI คือ ตรวจสอบได้ โปร่งใส และปลอดภัยทุกขั้นตอน

Dr.Philip Herzig, Chief Technology Officer (CTO) และ Chief AI Officer ของ SAP ในระหว่างนำเสนอแผน AI Agents และ Robotics บนเวที Keynote งาน SAP Sapphire 2025
Dr.Philip Herzig, Chief Technology Officer (CTO) และ Chief AI Officer ของ SAP ในระหว่างนำเสนอแผน AI Agents และ Robotics บนเวที Keynote งาน SAP Sapphire 2025

ภายในงาน SAP ได้เปิดตัว AI Agent รุ่นใหม่หลายตัว ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานแทนมนุษย์ในกระบวนการธุรกิจต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ ได้แก่

  • Risk Agent ที่สามารถดึงข้อมูลภายนอก เช่น อัตราแลกเปลี่ยนหรือภาษี มารวมกับข้อมูลภายในเพื่อประเมินความเสี่ยงและเสนอแนวทางรับมือ
  • Planning Agent ที่ช่วยจำลองผลกระทบทางการเงินและปรับแผนงานให้เหมาะสมในทั้งสายซัพพลายเชนและการเงิน
  • Accrual Agent ที่เรียนรู้กฎบัญชีขององค์กร พร้อมช่วยคำนวณการตั้งสำรองสิ้นงวดอย่างแม่นยำ ลดภาระงานของฝ่ายบัญชีลงได้ถึง 90%

นอกจากนี้ยังมี Agent รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบเฉพาะด้าน อย่างเช่น Shopfloor Supervisor Agent สำหรับดูแลกระบวนการผลิต, Expense Report Validator Agent สำหรับตรวจสอบและอนุมัติใบเบิกจ่าย และ HR Goals & Performance Agent ที่ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพพนักงานและเสนอแผนการพัฒนาแบบอัตโนมัติ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนเป้าหมายของ SAP ที่ต้องการให้ AI ทำงานแบบ “Reason and Act” ได้จริงในทุกมิติขององค์กร

พร้อมกันนี้ SAP ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้าง AI ที่คิดได้ แต่ยังเดินหน้าให้ AI ลงมือทำได้ด้วยตัวเอง ผ่านความร่วมมือระหว่าง AI Agents และระบบ Robotic Process Automation (RPA) ที่ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหล โดยมีเป้าหมายไม่ใช่แค่ให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเก่ง แต่ให้สามารถกระทำจริงได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้มนุษย์คลิกสั่งทุกขั้นตอน

SAP ประกาศก้าวกระโดดอีกขั้นของโลก AI เมื่อผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Joule Agents ไม่ได้อยู่แค่ในโลกซอฟต์แวร์อีกต่อไป แต่กำลังจะลงมาเดินในโลกจริง ผ่านการทำงานร่วมกับ หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Cognitive Robots) โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการผลิต การบำรุงรักษา และคลังสินค้า โดยทาง SAP ได้เปิดเผยความร่วมมือครั้งสำคัญกับสองพันธมิตรระดับโลก อย่าง NEURA Robotics และ Nvidia เพื่อผลักดันแนวคิดนี้ให้เกิดขึ้นจริง

“ในโมเดลใหม่นี้ Joule Agents จะเชื่อมข้อมูลธุรกิจแบบเรียลไทม์จากระบบ SAP เข้ากับหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของ NEURA ที่สามารถเรียนรู้, วิเคราะห์ และลงมือทำได้ในโลกจริง” Dr. Philip Herzig กล่าว ยิ่งไปกว่านั้น หุ่นยนต์นี้จะถูกนำไปทดสอบและฝึกฝนในสภาพแวดล้อมจำลองของ Nvidia ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อหุ่นยนต์เหล่านี้ถูกใช้งานในโรงงานหรือคลังสินค้า จะสามารถรับมือกับสถานการณ์จริงได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย


SAP ในเอเชียแปซิฟิก

ปัจจุบัน SAP ขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยมีพนักงานอยู่มากกว่า 109,000 คน จากกว่า 157 ประเทศ มีสำนักงานตั้งอยู่ใน 130 ประเทศ และมีศูนย์พัฒนาซอฟต์แวร์กว่า 100 แห่งทั่วโลก และหนึ่งในภูมิภาคที่กำลังถูกจับตามองตอนนี้ก็หนีไม่พ้นเอเชียแปซิฟิก

Thairath Money มีโอกาสได้สัมภาษณ์ Simon Davies ประธาน SAP เอเชียแปซิฟิก เขาระบุว่า ภูมิภาคนี้มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างยิ่งต่อ SAP ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและการวิจัยพัฒนา ปัจจุบัน SAP ให้บริการลูกค้าในกว่า 30 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีองค์กรระดับแนวหน้าอย่าง LG, Petronas, Standard Chartered, Bangkok Airways และ CP Foods ที่พึ่งพา SAP ในการบริหารจัดการธุรกิจระดับโครงสร้างพื้นฐาน

เขาเสริมว่า “SAP ไม่ได้เป็นเพียงระบบหลักที่องค์กรต้องมี แต่ยังเป็นพาร์ตเนอร์ด้านนวัตกรรมที่ช่วยให้องค์กรเหล่านี้พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในอนาคต”

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังกลายเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางของนวัตกรรม AI นอกสำนักงานใหญ่ของ SAP โดยปัจจุบันมีทีม R&D ขนาดใหญ่ในอินเดีย จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่เบื้องหลังการพัฒนา AI ที่ฝังอยู่ในระบบของ SAP

นอกจากนี้ ลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกไม่ได้เพียงแค่ทดลองใช้ AI แต่กำลังใช้งานจริงอย่างกว้างขวาง โดยมีมากกว่า 210 กรณีศึกษาที่ใช้ AI ในระบบ SAP และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 400 ภายในสิ้นปีนี้ และ SAP ยังมุ่งพัฒนา Business Data Cloud และ Semantic Layer เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำ AI ไปหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะพยายามย้ายข้อมูลไปหา AI ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคนี้ที่ต้องการใช้ AI เพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจจริง ไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงทฤษฎีอีกต่อไป


ตัวอย่าง Success Cases จากพาร์ทเนอร์ SAP

จากงาน SAP Sapphire 2025 ทาง Thairath Money ก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์องค์กรธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ SAP มาร่วมเล่าเส้นทางการเติบโตและความสำเร็จที่มีร่วมกัน


  • CP Foods: เมื่อ Digital Transformation มาคู่กับความยั่งยืน

จุดเริ่มต้นของ CPF มาจากความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเป้าหมาย Net Zero ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงโครงการเฉพาะกิจ โดย CPF ได้นำ SAP มาใช้ในการจัดการซัพพลายเชน การจัดซื้อ และระบบโลจิสติกส์ พร้อมต่อยอดด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับซัพพลายเออร์รายย่อย ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นต์เข้าสู่ระบบ SAP ได้โดยตรง จุดนี้เองที่ทำให้ CPF สามารถติดตาม ประเมิน และรายงานข้อมูลได้ตามเกณฑ์สากล

ในระยะต่อมา CPF ขยายการใช้งาน SAP จากแค่ระบบปฏิบัติการ มาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนวัตกรรมด้านความยั่งยืน โดยนำข้อมูลจาก SAP ไปผสานกับ AI และระบบ IoT เพื่อยกระดับประสิทธิภาพพลังงานในฟาร์มกว่า 10,000 แห่งทั่วเอเชีย พร้อมกันนี้ ยังใช้ SAP เป็นฐานเชื่อมโยงโครงการ AI Lab ภายในองค์กร เพื่อให้พนักงานรุ่นใหม่พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจเชิงสิ่งแวดล้อม


  • ALDO: เมื่อธุรกิจแฟชั่นก็สร้าง AI Agent เองได้

ALDO Group แบรนด์ค้าปลีกแฟชั่นระดับโลกจากแคนาดา ที่มีร้านค้าและช่องทางอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ และแคนาดา ขณะที่ตลาดต่างประเทศดำเนินงานผ่านระบบแฟรนไชส์ โดย ALDO ดูแลทุกกระบวนการตั้งแต่การออกแบบสินค้า การผลิต โลจิสติกส์ การจัดสรรสินค้า ไปจนถึงการส่งถึงมือลูกค้า

การร่วมมือกับ SAP ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ALDO สู่ธุรกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ ผ่านการใช้ SAP ECC เป็นระบบแกนกลางของทุกธุรกรรม ใช้ SAP CAR สำหรับรวบรวมข้อมูลจาก POS และระบบออเดอร์ พร้อมด้วย SAP SuccessFactors สำหรับระบบ HR และ SAP MRS ในด้านการตลาด นอกจากนี้ ปัจจุบัน ALDO ยังได้ทดลองใช้ SAP Business Technology Platform (BTP) เพื่อสร้าง AI Agents ที่สามารถจัดการงาน เช่น การคาดการณ์ความต้องการ การจัดสรรสินค้า และการตัดสินใจเรื่องสต๊อกแบบอัตโนมัติ

ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ SAP และ AI คือประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในด้านความแม่นยำของการคาดการณ์ ลดปัญหาการจัดการสินค้าในสต๊อก ไปพร้อมกับการใช้ GenAI ช่วยเขียนคอนเทนต์และออกแบบสินค้า

นอกจากนี้ ALDO ยังได้สร้างระบบ Agentic AI ขึ้นมาเอง โดยที่มีหลายเอเจนต์ทำงานร่วมกันผ่าน SAP BTP และกำลังต่อยอดไปยังส่วนงานอื่นทั่วทั้งองค์กร โดยมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวในการให้คนในองค์กรสามารถสร้าง Automation และ AI Agent ได้ด้วยตัวเองผ่านแนวทาง No-code


  • Team Liquid: เมื่อ AI มาอยู่เบื้องหลังการวิเคราะห์ของ eSport

Team Liquid องค์กรอีสปอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยถึงความร่วมมือกับ SAP ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 เพื่อยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลเกมการแข่งขันด้วยการนำเทคโนโลยีจาก SAP Business Technology Platform (BTP) และ Joule เข้ามาใช้ในการจัดเก็บ วิเคราะห์ และแปลผลข้อมูลจากเกมระดับโลก ทำให้ทีมสามารถวิเคราะห์เชิงลึกได้ทั้งด้านกลยุทธ์การเล่น พฤติกรรมคู่แข่ง ตลอดจนการสื่อสารในทีม และการค้นหาผู้เล่นดาวรุ่งจากข้อมูลจริงได้อย่างแม่นยำ

โดยล่าสุด Team Liquid ได้นำ Joule ซึ่งเป็น AI Agent มาใช้งานเพื่อให้ทั้งโค้ช นักวิเคราะห์ และแม้แต่นักกีฬาเองสามารถถามคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับเกม เช่น เปรียบเทียบสไตล์การเล่นของผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันจากทีมคู่แข่ง หรือดูแนวโน้มการเคลื่อนไหวของผู้เล่นในช่วงต่าง ๆ

ซึ่งการนำ AI Agent มาใช้ทำให้การทำงานต่างจากรูปแบบเดิมที่ต้องอาศัยการดูวิดีโอย้อนหลังนับชั่วโมง ตอนนี้การวิเคราะห์สามารถทำได้ในคลิกเดียว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเปิดโอกาสให้ทีมมุ่งสู่กลยุทธ์ขั้นสูงได้มากขึ้น

นอกจากการยกระดับประสิทธิภาพในสนามแข่งขันแล้ว Team Liquid ยังวางแผนขยายการใช้งาน SAP ไปยังงานธุรกิจเบื้องหลัง เช่น การบริหารทรัพยากรบุคคลในสำนักงานต่างประเทศ การจัดการค่าใช้จ่าย และการดูแลระบบสัญญาอีกด้วย

Jessica Alba นักแสดงและเจ้าของธุรกิจ The Honest Company แบรนด์ของใช้ออร์แกนิก ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์บนเวที SAP Sapphire 2025
Jessica Alba นักแสดงและเจ้าของธุรกิจ The Honest Company แบรนด์ของใช้ออร์แกนิก ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์บนเวที SAP Sapphire 2025

ท้ายที่สุดแล้ว SAP ยังคงเดินหน้าพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการประยุกต์ใช้งานจริงในระดับองค์กร ผ่านทั้งซอฟต์แวร์ ผู้ช่วยอัจฉริยะ และการทำงานร่วมกับระบบหุ่นยนต์ จุดร่วมของแนวทางทั้งหมดนี้ คือการพยายามเชื่อมโยงข้อมูล การวิเคราะห์ และการดำเนินการให้อยู่ในกระบวนการเดียวกัน เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในธุรกิจสามารถตอบสนองได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

แม้จะยังมีคำถามว่าองค์กรจะพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีเหล่านี้ในระดับไหน แต่อย่างน้อย SAP ก็กำลังวางโครงสร้างพื้นฐานไว้เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านในระยะยาว

Christian Klien ซีอีโอ SAP บนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025
Christian Klien ซีอีโอ SAP บนเวที Keynote ในงาน SAP Sapphire 2025

“ด้วยการขยายขีดความสามารถของ Joule ความร่วมมือกับผู้นำด้าน AI และการพัฒนา SAP Business Data Cloud เรากำลังทำให้ Business AI ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในโลกที่ไม่แน่นอนมากขึ้นทุกวัน” Christian Klein กล่าว



ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

Thanthida Thongphet

Thanthida Thongphet
Digital Economy & Future of Finance