รู้จัก “Terrific Ten”  เมื่อ 10 หุ้นเทพเซียน บิ๊กเทคจีนทวงบัลลังก์ตลาดโลก ท้าชน 7 นางฟ้าวอลล์สตรีท

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รู้จัก “Terrific Ten” เมื่อ 10 หุ้นเทพเซียน บิ๊กเทคจีนทวงบัลลังก์ตลาดโลก ท้าชน 7 นางฟ้าวอลล์สตรีท

Date Time: 27 ก.พ. 2568 13:37 น.

Video

กลเม็ดแบบ Netflix ทำไมคู่แข่งเลียนแบบให้ตายยังไง ก็ไล่ไม่ทัน | Digital Frontiers

Summary

  • รู้จัก “Terrific Ten” กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ใครคือ 10 หุ้นเซียนมังกรขับเคลื่อนตลาดหุ้นจีนที่ถูกนำมาเทียบกับ “Magnificent Seven” หรือหุ้น 7 นางฟ้าของสหรัฐฯ เชื้อเพลิงหลักที่ทำให้ดัชนี Hang Seng Tech ของฮ่องกงฟื้นตัวขึ้นกว่า 70% ในปีที่ผ่านมา

Latest


ไม่นานหลังการเปิดตัว DeepSeek โมเดล AI น้องใหม่จากจีนที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งซิลิคอนวัลเลย์ กำลังจุดกระแส “หุ้นบิ๊กเทคจีน” ให้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ต่อเนื่องด้วยความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่ทำให้โลกจับตามองอย่างใจจดใจจ่อกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของทางการจีนที่หันมาสนับสนุนภาคเอกชนของประเทศ โดยการเรียกตัวผู้บริหารองค์กรธุรกิจระดับแนวหน้าทั่วประเทศเข้าร่วมงานประชุมหารือนัดพิเศษโดยมี ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นเจ้าภาพ

อ่านเพิ่มเติม 

การประชุมระหว่าง สี จิ้นผิง กับบรรดาเจ้าพ่อเทคโนโลยี นำโดย แจ๊ค หม่า แห่ง Alibaba ปิดฉากการพุ่งขึ้นของบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของประเทศ โดยเฉพาะหุ้นภาคเทคโนโลยีใน Hang Seng ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (.HSTECH) ที่ดันให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ล้านเหรียญในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022

และมากไปกว่านั้นยังทำให้ “Terrific Ten” หรือ “10 หุ้นเทพเซียน” และ Hang Seng Tech กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง อีกทั้งยังมีผลงานที่ดีแซงหน้า Nasdaq จนสามารถแย่งความสนใจจาก “Magnificent Seven” หรือ "7 หุ้นนางฟ้า" ของสหรัฐฯ มาได้อย่างมีนัยสำคัญ

ใครคือ 10 หุ้นเซียนมังกร 

“Terrific Ten” คือ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำหรือเป็นเจ้าตลาด ซึ่งมีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงเป็นเบอร์ต้นในอุตสาหกรรมของตนเอง ประกอบด้วย Alibaba, Baidu, BYD, Geely, JD.com, Meituan, NetEase, SMIC, Tencent และ Xiaomi

  1. Alibaba Group Holding กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซชั้นนำของจีน มีธุรกิจหลักในด้านอีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก ดิจิทัลเพย์เมนต์ คลาวด์คอมพิวติ้ง และโลจิสติกส์ โดยมีแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Taobao (C2C), Tmall (B2C), Alibaba Cloud (คลาวด์คอมพิวติ้ง), และ AliExpress (อีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ) ซึ่งให้บริการแก่ผู้ใช้และธุรกิจหลายล้านรายทั่วโลก
  2. JD.com หนึ่งในบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดของจีน นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทผ่านแพลตฟอร์ม เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้รับการยอมรับในด้านเครือข่ายโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดส่งสินค้าภายในเวลารวดเร็วทั่วประเทศจีน
  3. Tencent Holdings ผู้ให้บริการชั้นนำด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต โดยมีบริการหลากหลายประเภท เช่น แพลตฟอร์มแอปโซเชียลมีเดีย เพลง เว็บพอร์ทัล อีคอมเมิร์ซ และเกมออนไลน์หลายผู้เล่น นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของโมเดลซูเปอร์แอป WeChat ซึ่งรวมฟังก์ชันการแชท โซเชียลมีเดีย การชำระเงิน การจองตั๋ว และบริการอื่นๆ ภายในแอปเดียว
  4. Baidu ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจิ้นที่ครองตลาดในจีน และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในด้านการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ผ่านแพลตฟอร์ม Apollo ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในจีน
  5. Xiaomi ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอุปกรณ์เทคโนโลยีทั่วโลก นอกจากนี้ยังขยายสายผลิตภัณฑ์ไปยังอุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่ เช่น Mi Band และ Amazfit
  6. BYD ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ยังผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) มีสัดส่วนตลาดที่สูสีกับ Tesla ซึ่งมียอดขายที่สูงกว่าเมื่อรวม PHEV, BEV และ NEV
  7. Geely Automobile Holdings ผู้ผลิตยานยนต์ที่ผลิตยานยนต์หลากหลายประเภท รวมถึงรุ่นไฟฟ้าและไฮบริด มีจุดแข็งด้านการขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อและร่วมมือกับบริษัทรถยนต์ระดับโลก ได้แก่ Volvo, Lotus, Polestar, Proton, Zeekr, Smart
  8. Meituan แพลตฟอร์มออนดีมานด์ที่นำเสนอบริการดิจิทัลที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทั่วประเทศจีน เช่น เดลิเวอรี่ จัดส่งอาหาร จองโรงแรมและการเดินทาง
  9. NetEase บริษัทอินเทอร์เน็ตชั้นนำของจีน ดำเนินธุรกิจด้านเนื้อหาออนไลน์ แพลตฟอร์มชุมชน บริการสตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ โดยพัฒนาและให้บริการเกมยอดนิยมทั้งในจีนและตลาดต่างประเทศ เช่น Fantasy Westward Journey, Identity V, และ Knives Out
  10. SMIC (Semiconductor Manufacturing International Corporation) บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ ผลิตเวเฟอร์วงจรรวม (ICs) สำหรับการใช้งานหลากหลาย เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ

จะเห็นว่า Terrific Ten ครอบคลุมภาคธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่แพลตฟอร์มดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ อุปกรณ์เทคโนโลยี เกม รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นยักษ์ใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งทั้งตัวเลขผลประกอบการและศักยภาพในการขยายธุรกิจระดับโลก ถูกยกเป็นหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในอนาคต

นอกจากนี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดัชนี Hang Seng Tech ที่ติดตามผลงานของบริษัทเทคโนโลยี 30 อันดับแรกที่จดทะเบียนในฮ่องกง ซึ่งมี 7 ใน 10 ของ 10 หุ้นเทพเซียนอยู่ (ยกเว้น BYD, Baidu, Geely ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง) ทำให้ “Terrific Ten” ถูกนำไปเทียบกับ “Magnificent Seven” ของสหรัฐฯ ไปโดยปริยาย

อ่านเพิ่มเติม 

ตัวเลือกจากแดนมังกร แทนที่ 7 หุ้นนางฟ้า

ในช่วง 12 เดือนก่อนกุมภาพันธ์ปี 2025 ดัชนี Hang Seng Tech ฟื้นตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 70% ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้นประมาณ 27% ในช่วงเวลาเดียวกัน หลังทำผลงานได้ดีกว่าในปี 2023 และเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 43.42% ตลอดทั้งปี ขณะที่ Hang Seng Tech เผชิญกับความท้าทายและลดฮวบลงมา 8.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงผลงานที่แข็งแกร่งในภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

แม้ว่าหุ้น Terrific Ten ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปีนี้จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน Hang Seng Tech แต่ผลลัพธ์สำคัญยังมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น แนวโน้มตลาดโลก นโยบายรัฐบาลที่เอื้ออำนวย อุปสงค์ด้านเทคโนโลยีภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และความก้าวหน้าล่าสุดในด้านปัญญาประดิษฐ์และการประมวลผลบนคลาวด์ที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและมูลค่าตลาด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวหน้าด้าน AI ของบริษัทต่างๆ เช่น DeepSeek ที่ได้เสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน รวมถึงการทยอยเผยผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ที่มีแนวโน้มเป็นบวก ที่อาจผลักดันให้บรรดานักวิเคราะห์ปรับการคาดการณ์ให้สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นราคาล่าสุด อาทิ Xiaomi, JD.com และ Meituan ที่ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ผลกำไร 35%, 28% และ 14% ตามลำดับ ขณะที่ Tencent และ Alibaba พบว่ามีการคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 6% และ 2.8%

อ่านเพิ่มเติม

อ้างอิงข้อมูลจาก Reuters1 , Reuters2 Financial Times 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ