รวบตึงซีนเด็ดแห่งปี 2024 "7 Magnificent" หุ้นพุ่ง-ธุรกิจโดดเด่นอย่างไรบ้าง ?

“7 Magnificent” หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ 7 หุ้นนางฟ้า ประกอบด้วย Apple (AAPL), Nvidia (NVDA), Microsoft (MSFT), Amazon (AMZN), Alphabet (GOOGL), Meta Platforms (META), และ Tesla (TSLA) ที่ขึ้นแท่นเป็นหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนทิศทางและการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของทั้งเจ็ดตัวเติบโตขึ้นเกือบ 800% ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

Thairath Money อัปเดตทิศทาง 7 หุ้นเทคโนโลยีมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้ที่สถานการณ์โดยรวมกระแส AI ยังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งผลักดันดัชนีโดยรวมของตลาดพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยปัจจุบัน “7 Magnificent” มีสัดส่วนรวมเกือบ 35% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมดของ S&P 500  ณ เดือนธันวาคม 2024 โดยหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นสูงสุดในกลุ่มนี้คือ Nvidia, Tesla และ Amazon

7 หุ้นนางฟ้าแข่งกันพุ่งยกแผงในปีนี้ 

Apple ยังคงรักษาตำแหน่งบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำไว้ได้ ด้วยมูลค่าตลาดเกินและมูลค่าหุ้น Apple โตต่อเนื่อง ล่าสุดปิดตลาดวันที่ 23 ธันวาคม ทำประวัติศาสตร์ใหม่ ดันมูลค่าตามตลาดของบริษัทเกือบถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแรงหนุนจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการพัฒนา AI เปิดให้ใช้งาน Apple Intelligence ที่ส่งผลให้ยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นหลังจากซบเซามาสักระยะ

อย่างไรก็ตาม NVIDIA เป็นผู้ทำผลงานโดดเด่นในแง่ของการเติบโตและผลกำไรที่สุด ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจากอานิสงส์ของการปฏิวัติด้าน AI ทั่วโลก ความสามารถในการทำกำไรที่สูงทำให้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและบริษัทเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลที่สุดในปีนี้

Meta และ Microsoft เป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูง มีอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง และรายได้และตัวชี้วัดการดำเนินงานที่ปรับปรุงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดย Microsoft ยังคงเป็นผู้เล่นที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและตลาดโซลูชันสำหรับองค์กรธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการผสานโมเดล GPT ของ OpenAI เข้ากับโปรดักต์ตนเอง

ด้าน Meta ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่แล้วในด้านรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน หลังจากช่วงเวลาที่ท้าทาย ธุรกิจโฆษณาหลักมีรายได้เติบโตเร็วกว่าที่คาด จากการใช้ AI ในการสร้างตำแหน่งโฆษณาที่ตรงเป้าหมายและปรับแต่งได้มากขึ้น ราคาเฉลี่ยต่อโฆษณาเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี

Amazon ครองตลาดในด้านขนาด แต่ต้องเผชิญกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูง ซึ่งจำกัดผลกำไร อีคอมเมิร์ซชะลอตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง โดยแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้ง (Amazon Web Services) ยังเป็นหน่วยธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งมีอัตราการดำเนินงานต่อปีมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Alphabet บริษัทแม่ของ Google หุ้นถูกขายออกไปในช่วงแรกเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับขนาดของการลงทุนของบริษัทใน AI ที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น อย่างไรก็ตามบริษัทได้รายงานการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งในทุกกลุ่มการดำเนินงาน โดยมีธุรกิจ Google Search และ Google Cloud เป็นจุดเด่น

Tesla ยังคงมุ่งเน้นไปที่การเติบโตและการลงทุน ส่งผลให้มีอัตรากำไรที่ลดลง การวิจัยและพัฒนาและการลงทุนด้านปฏิบัติการยังคงลดความสามารถในการทำกำไรในระยะสั้น แต่บริษัทอยู่ในตำแหน่งสำหรับการขยายขนาดและตลาดในระยะยาว ในขณะที่ Google และ Apple ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยตัวชี้วัดผลกำไรที่มั่นคง

บทความที่เกี่ยวข้อง

• หุ้นบิ๊กเทค 7 นางฟ้า หาเงินจากอะไรบ้าง ? ส่องรายได้กำไรปี 2566
• ทำไมหุ้นเทคฯ พุ่งแรง ? หลังเฟดลดอัตราดอกเบี้ย ครั้งแรกในรอบ 4 ปี
• พลังแห่งทรัมป์ หุ้นบิ๊กเทคทำออลไทม์ไฮ ดัน Nasdaq ทะลุ 2 หมื่นจุดครั้งแรก

ภาพรวมปีนี้กล่าวได้ว่า ผลประกอบการส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวก รายรับและกำไรเติบโตค่อนข้างแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง โฆษณาดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสามารถทำรายได้และกำไรได้เกินการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์โดยทั่วไป แต่ยังไม่สามารถเอาชนะความคาดหวังของตลาดได้มากนัก สะท้อนจากราคาหุ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งแผงรับเทรนด์ AI ที่ต่อเนื่องจากปีก่อนแต่ไม่ได้มีอัตราที่ก้าวกระโดดเหมือนในปี 2024 เทียบจากปี 2023 มากนัก สาเหตุจากปัจจัยเสี่ยงมหภาคที่ยังคงเป็นตัวกำหนดความไม่แน่นอนของธุรกิจ รวมถึงการกระจุกตัวของมูลค่าที่ส่งผลต่อการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริงในภาคเทคโนโลยีก่อให้ความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ที่สร้างแนวรับใหม่ในการลงทุน

ปี 2024 หลายบริษัทแบกรับค่าใช้จ่ายด้านทุนที่สูงขึ้นหลายเท่าตัวจากการลงทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการสร้างศูนย์ข้อมูลและเซิร์ฟเวอร์เพื่อสนับสนุนงานและธุรกิจด้าน AI กล่าวคือ แม้จะมีรายรับมหาศาลจากธุรกิจ AI ในปีนี้แต่กลับแลกมากับต้นทุนมหาศาลทั้งในฝั่งของผู้ให้บริการและกระบวนการ AI - Digital Transformation

อย่างไรก็ตามผลดำเนินการที่ชัดเจนอาจต้องรอดูรายงานประจำปีฉบับสมบูรณ์ที่จะรวมปีงบประมาณสุดท้ายซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนธันวาคมและจะเผยแพร่ในเดือนมกราคม 2025

อ้างอิงข้อมูลประกอบจาก Reuters , Investopedia 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney