จีนแฉสหรัฐ “โจรปล้นโจร” เคสยึดกว่าแสนบิตคอยน์จากสแกมเมอร์กัมพูชา อ้างแฮ็กขโมยก่อนแล้วประกาศว่ายึด

กลายเป็นเรื่องร้อนระหว่างประเทศอีกครั้ง เมื่อหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของจีน ออกมากล่าวหารัฐบาลสหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลังการขโมยบิตคอยน์ (Bitcoin) จำนวนกว่า 127,272 BTC ที่ตีเป็นมูลค่าสูงกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ก่อนหน้านี้ทางสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่ายึดได้จากกลุ่มธุรกิจสแกมเมอร์ในกัมพูชา และนับว่าเป็นการยึดสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การกล่าวหาร้ายแรงครั้งนี้ เป็นความพยายามครั้งใหม่ของจีนที่อ้างว่าสหรัฐฯ มีการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่

จากข้อมูลของศูนย์รับมือเหตุไวรัสคอมพิวเตอร์แห่งชาติจีน (Chinese National Computer Virus Emergency Response Center) ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2020 ที่ “LuBian Mining Pool” หนึ่งในเหมือง Bitcoin ขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในขณะนั้นถูกโจรกรรมบิตคอยน์ไปจำนวน 127,272 BTC 

ทางการจีนออกมากล่าวหาว่า การแฮ็กครั้งนี้มีลักษณะเป็นปฏิบัติการของแฮ็กเกอร์ในระดับรัฐ โดยชี้ว่า การเคลื่อนไหวของเหรียญที่ถูกขโมยเป็นไปอย่างเงียบเชียบและล่าช้า ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมของอาชญากรไซเบอร์ทั่วไป แต่ดูคล้ายคลึงกับการดำเนินการในระดับรัฐบาลมากกว่า

พร้อมเชื่อมโยงไปว่าบิตคอยน์จำนวนมหาศาลที่ถูกขโมยไปจาก LuBian นั้นคือจำนวนเดียวกับที่ต่อมารัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่ายึดไว้ได้จาก Prince Group เครือข่ายสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ในกัมพูชา โดยมีเฉิน จื้อ (Chen Zhi) เป็นผู้บงการหลัก และได้ตั้งข้อหาเฉิน จื้อ ฉ้อโกงและฟอกเงินเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าบิตคอยน์เหล่านี้ที่ถูกยึดมาเกิดขึ้นเมื่อใดหรือด้วยวิธีใด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: สหรัฐฯ ยึดบิตคอยน์ ปราบเจ้าพ่อสแกมเมอร์ข้ามชาติ ร่วมมืออังกฤษรื้อโครงสร้างอาชญากรรมระดับโลก

จีนระบุด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจใช้เทคนิคแฮ็กตั้งแต่ปี 2020 เพื่อขโมยบิตคอยน์จำนวนกว่า 127,000 BTC ที่อยู่ในความครอบครองของเฉิน จื้อ นี่คือตัวอย่างของปฏิบัติการ “โจรปล้นโจร” ที่วางแผนโดยองค์กรแฮ็กระดับรัฐ

ด้านอัยการรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบในคดีของเฉิน จื้อ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการยึดครอง Bitcoin ดังกล่าว โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นเรื่องยึดทรัพย์ทางแพ่ง เพื่อยึดบิตคอยน์จำนวน 127,271 BTC ถือเป็นการยึดทรัพย์สินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ

ในช่วงที่ผ่านมา จีนได้ออกมากล่าวหาสหรัฐฯ อย่างเปิดเผยมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ อย่างเช่น เมื่อต้นปี จีนระบุว่าสหรัฐฯ ใช้ช่องโหว่ของ Microsoft Exchange Server เพื่อแฮ็กบริษัทจีน และเมื่อเดือนที่แล้ว จีนยังกล่าวว่า มีหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังการแฮ็กศูนย์เวลามาตรฐานแห่งชาติของจีน อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาของจีนมักไม่มีรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือเชิงลึกเท่ากับกรณีที่สหรัฐฯ กล่าวหาจีนในลักษณะเดียวกัน

ล่าสุด ทนายของเฉิน จื้อ ได้ยื่นจดหมายต่อศาลในสหรัฐฯ เพื่อขอขยายเวลาในการติดตามเส้นทางของบิตคอยน์ที่ถูกขโมย พร้อมระบุว่า ข้อกล่าวหาของรัฐบาลสหรัฐฯ “คลาดเคลื่อนอย่างมาก” โดยเขากล่าวว่า “เราได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตฯ เพื่อติดตามบิตคอยน์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดไปเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นเหรียญเดียวกับที่ถูกขโมยเมื่อปี 2020”

ทั้งนี้ ตัวเฉิน จื้อยังไม่ได้ถูกควบคุมตัวในสหรัฐฯ ส่วนกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ และสถานทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ยังไม่ออกมาให้ความเห็น ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

ที่มา: Bloomberg

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney