กนอ.จัดทัพฝ่าโลกเดือด

แม้ว่าประเทศไทยมีจุดเด่นในการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบกว่าอีกหลายๆ ประเทศในภูมิภาค แรงงานที่มีทักษะ ระบบสาธารณูปโภคที่พร้อม ตลอดจนสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่เป็นจุดแข็ง ล้วนเป็นฟันเฟือง ส่งผลให้นักลงทุนปักหมุดจุดหมายให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของประเทศที่น่าลงทุน

ดังนั้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) องค์กรหลักในการบริหารจัดการพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการลงทุนที่ล่าสุดมีนิคมฯในสังกัด 71 แห่ง ใน 17 จังหวัด มีพื้นที่สำหรับขายหรือเช่ารวม 24,630 ไร่ เป็นพื้นที่ของ กนอ. 1,886 ไร่ พื้นที่ของนิคมฯร่วมดำเนินงาน 22,744 ไร่

จึงได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ “อุตสาหกรรมไทย ก้าวไกลอย่างยั่งยืน” เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในนิคมฯดำเนินโครงการ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะประเด็นนี้มีความสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อร่วมกันบรรลุสู่เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) อธิบายเรื่องนี้ว่า กนอ.ได้ดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมให้โรงงานในนิคมฯมีความพร้อมในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero โดยตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจ อาทิ Carbon Camp ซึ่งเปรียบเสมือน “บูตแคมป์” ที่ช่วยให้โรงงานมีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำบัญชีคาร์บอน วิเคราะห์และประเมิน ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต ฯลฯ

โครงการสนับสนุนให้โรงงานอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับการดำเนินงานของโรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสะอาดมาใช้ การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำ รวมถึงการลดมลพิษทางอากาศและทางน้ำ

โครงการสร้างเครือข่าย โรงงานลดก๊าซเรือนกระจก ที่ กนอ.เชื่อมั่นในพลังของ “การรวมกลุ่ม” จึงจัดตั้งเครือข่ายโรงงานลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี ในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

ขณะที่ Green Supply Chain เป็นหัวใจสำคัญของความยั่งยืน ก็จะดำเนินการผ่านแผนการบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคของนิคมฯ เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบำบัดน้ำเสีย การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบน้ำประปา เพื่อลดการใช้พลังงาน

ในการพัฒนานิคมฯให้สอดคล้องกับ SDGs กนอ.ยังมีแผนสำคัญๆ อาทิ SDG 9 ที่จะใช้อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีสะอาด

SDG 11 ที่เน้นทำให้เมืองและชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่ปลอดมลพิษ SDG 12 เน้น การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดของเสียจากกระบวนการผลิต SDG 13 เน้นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ SDG 6 เน้นการจัดหาน้ำสะอาดและสุขาภิบาล การจัดการน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ

นายสุเมธย้ำทิ้งท้ายว่า แผนงานทั้งหมดนี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยบนเวทีโลกในระยะยาว

เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่ปลอดจากมลภาวะอีกประเทศหนึ่งบนแผนที่โลก.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม