รู้จัก Lucy Guo เศรษฐีหญิงอายุน้อยที่สุดในโลก รวยเป็นหมื่นล้าน แต่ยังใช้ชีวิตสมถะ

Personal Finance

Wealth Management

Tag

รู้จัก Lucy Guo เศรษฐีหญิงอายุน้อยที่สุดในโลก รวยเป็นหมื่นล้าน แต่ยังใช้ชีวิตสมถะ

Date Time: 30 ส.ค. 2568 21:09 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

ลูซี่ กัว กลายเป็นมหาเศรษฐีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สิน 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

  • เธอร่วมก่อตั้ง Scale AI, บริษัทด้าน AI ที่เน้นการติดป้ายกำกับข้อมูล
  • กัวเริ่มต้นจากการหาเงินเองตั้งแต่เด็ก, ศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ และได้รับทุน Thiel Fellowship
  • หลังออกจาก Scale AI, เธอกลายเป็นนักลงทุนและก่อตั้ง Passes แพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์
  • กัวมีแนวคิด 'Act broke, Stay rich' เน้นการใช้ชีวิตเรียบง่าย แม้จะร่ำรวย

Latest


ถ้าเคยได้ยินชื่อหรือรู้จัก Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI และเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกที่รวยได้ด้วยตัวเอง ก็จะมีอีกชื่อขึ้นมาพร้อมกันเสมอ นั่นก็คือ “Lucy Guo” อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI ที่ปัจจุบันปี 2025 ยังแซงหน้าเหล่าเซเลบขึ้นแท่นเป็น “มหาเศรษฐีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก” ด้วยสินทรัพย์รวมกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สิ่งที่ทำให้ชื่อของ Lucy Guo ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา คือ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และแนวคิดการบริหารเงินที่แม้จะร่ำรวยอย่างมหาศาล แต่กลับสมถะ เธอเคยออกมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune ว่า “ฉันไม่ชอบเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์”

“ใช้ชีวิตเหมือนคนจน จะได้รวยยั่งยืน” (Act broke, Stay rich) คำพูดสุดทรงพลังของ Lucy Guo กลายเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นและเป็นเครื่องยืนยันคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมคนรวยถึงยังรวยอยู่วันยังค่ำ?” ได้เป็นอย่างดี

เธอเล่าว่า ทุกวันนี้แม้จะเป็นหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จของซิลิคอนวัลเลย์ เป็นเจ้าของธุรกิจเทคโนโลยี และมีรายได้มหาศาล เธอก็ยังทำทุกอย่างให้ธรรมดา ทั้งใส่เสื้อผ้าที่ได้มาฟรีไม่ก็ซื้อจากแพลตฟอร์มสินค้าราคาประหยัด และก็ยังซื้อดีล 1 แถม 1 บน Uber Eats อยู่เลยด้วยซ้ำ

ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money เลยจะขอพาไปเจาะลึกทำความรู้จักกับเศรษฐินีที่อายุน้อยที่สุดในโลกคนนี้ ถึงเส้นทางความเป็นมา ไปส่องว่า Lucy Guo เติบโตและใช้ชีวิตมาแบบไหนถึงประสบความสำเร็จ และเมื่อรวยแล้วมีแนวคิดการเงินแบบไหนต่อ


โตมากับแนวคิด “ขอหาเงินเอง”

ขอพาย้อนอดีตไปในวัยเด็ก Lucy Guo เกิดและเติบโตในเมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา คุณพ่อและคุณแม่เป็นผู้อพยพมาจากจีน ทั้งสองคนทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้า แต่แล้วจุดเปลี่ยนของครอบครัวก็มาถึงเมื่อทั้งคุณพ่อคุณแม่ของ Guo ถูกเลย์ออฟ เป็นเหตุให้ต้องลำบาก ในช่วงวัยเรียน Lucy Guo เคยเล่าไว้ด้วยว่าเธอถูกเพื่อน ๆ ในโรงเรียนบูลลี่เสมอ เพราะบ้านของเธอจน

“และตอนนั้นเองทำให้ฉันรู้ว่า ฉันต้องเริ่มหาเงินแล้ว” Lucy Guo กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Business Insider

วัยเด็กของเธอเลยเริ่มต้นหาเงินเองด้วยการขายการ์ดโปเกมอน ขายดินสอสีในโรงเรียนจนถึงขั้นถูกพักการเรียน เลยหันมาหาเงินด้วยเทคโนโลยี เธอเริ่มเรียนเขียนโค้ดด้วยตัวเองตั้งแต่ช่วงเรียนเกรด 2 ก่อนที่จะมาสร้างเว็บไซต์เองตอนเกรด 6

หลังจากนั้น Lucy Guo ก็เริ่มรู้จักกับ PayPal จึงเดินหน้าเต็มที่หาเงินจากโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เกมออนไลน์กำลังเติบโต เธอเห็นโอกาสเลยสร้างบอท (Bot) ขึ้นมาในเกมออนไลน์ Neopets และ RuneScape ให้ทำงานอัตโนมัติเพื่อเก็บไอเท็มพิเศษและเพิ่มเลเวล จนสามารถขายไอเท็มเหล่านั้นและทำเงินให้เธอหลายพันดอลลาร์สหรัฐ

จนมาถึงช่วงมัธยมปลาย เธอเริ่มขยายธุรกิจในโลกออนไลน์หารายได้เพิ่มอีกเป็นหลักแสนผ่านการสร้างเว็บไซต์สตรีมมิ่งปลอม ๆ และเก็บเงินจากโฆษณาบนเว็บ จนเริ่มปูทางให้เธออยากจะเข้าร่วมทำงานในสายเทคโนโลยีมากขึ้นทุกวัน

แต่ทั้งหมดนี้ พ่อแม่ของเธอกลับไม่สนับสนุนให้เธอเดินตามทางสายเทค โดยคุณแม่ของเธอเคยบอกว่า “ผู้หญิงไม่เหมาะกับงานสายวิศวกรรมเลยสักนิด” (แม้ว่าแม่ของเธอจะเป็นวิศวกรก็ตาม) พร้อมแนะให้เธอไปเรียนเป็นเภสัชกรแทน โดยคุณแม่ให้เหตุผลว่า โลกวิศวกรรมมีชายเป็นใหญ่ เลยกังวลว่า Lucy Guo จะไม่ประสบความสำเร็จ


“เรียนรู้เอง” ได้ดีกว่าเรียนในห้อง

แม้พ่อแม่จะห้ามก็ไม่ฟัง ขอไปตามทางของตัวเอง โดยหลังจากจบมัธยมปลาย Lucy Guo ก็ได้เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยกับ Carnegie Mellon University ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ Human-Computer Interaction (HCI) หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์

แต่แล้วการเรียนในระบบก็ดูเหมือนจะไม่ตรงกับความต้องการของ Lucy Guo เมื่อเธอค้นพบว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรมากกว่าผ่านการลงมือทำ หรือในการเข้าร่วม Hackathon โดยที่กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น ชนะการแข่งขันออกแบบแอปพลิเคชันต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เธอเข้าไปอยู่ในเป้าสายตาของ Thiel Fellowship

จนกระทั่งปี 2014 ในช่วงปีสุดท้ายการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย Lucy Guo ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Thiel Fellowship ของมหาเศรษฐี Peter Thiel จำนวนกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่จะให้กับทาเลนต์คนเก่ง ๆ เพื่อไปสานต่อธุรกิจเทคโนโลยี และต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย

จุดนั้นเอง เธอก็ได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่านี่คือเส้นทางของเธอ เลยตัดสินใจลาออกจาก Carnegie Mellon ก่อนจะเรียนจบเพียง 1 ปี เพื่อรับทุนของ Thiel เธอบอกว่า โปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่การได้เงินมาหนึ่งก้อนเท่านั้น แต่ยังเป็น “คอมมูนิตี้ที่ยอดเยี่ยมมาก เป็นกลุ่มของผู้ก่อตั้งรุ่นใหม่ที่เข้าใจคุณ พวกเขาผลักดันคุณให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และช่วยพัฒนาคุณให้เป็นมนุษย์ที่ฉลาดและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น”


กว่าจะเป็นเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก

หลังจากผ่านช่วงทุนของ Thiel Fellowship มาแล้ว Lucy Guo ก็ยังคงเดินในเส้นทางเทคโนโลยีมาต่อเนื่อง เธอได้ไปฝึกงานกับ Facebook ต่อด้วยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำหน้าที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Designer) ให้กับ Snapchat พัฒนาโปรเจกต์ Snap Map และต่อมาก็มาเริ่มต้นงานใหม่ที่ Quora และที่นี่เองก็ได้พบกับ Alexandr Wang ในปี 2016

หลังจากทั้งคู่รู้จักกัน เลยร่วมมือกันปั้นธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน Data และ AI ขึ้นมา ในชื่อที่เรารู้จักกันนั่นก็คือ “Scale AI” ซึ่งตอนนั้น Lucy Guo มีอายุเพียง 21 ปี และธุรกิจนี้ยังได้รับการสนับสนุนผ่าน Y Combinator อีกด้วย

Alexandr Wang คือใคร? อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:

เป็นช่วงที่อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเติบโตอย่างระเบิดเถิดเทิงทั้ง Guo และ Wang มองเห็นปัญหาสำคัญที่กลายเป็นคอขวดของวงการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการขาดอัลกอริทึม แต่กลับเป็นการขาด “ข้อมูลคุณภาพสูงที่ถูกคัดแยกและติดป้ายกำกับ (Labeled Data)” สำหรับการฝึก AI

จากจุดนี้เอง Scale AI จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เหมือนกับเสียมและพลั่วในยุคตื่นทอง AI คือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทำงานติดป้ายกำกับข้อมูล (Data Annotation) คัดแยกข้อมูลปริมาณมหาศาล ครอบคลุมทั้งรูปภาพ ข้อความ เสียง และข้อมูลจากเซ็นเซอร์ 3 มิติ ให้สามารถนำไปใช้วิเคราะห์หรือเทรน AI ในระดับอุตสาหกรรมได้

หัวใจของ Scale AI จึงอยู่ที่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งใหม่ โดยบริษัทอาสาทำงานที่น่าเบื่อแต่จำเป็นที่สุด นั่นก็คือการสร้าง Ground Truth Data ข้อมูลความจริงที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นรากฐานในการฝึกและยกระดับ AI ให้ฉลาดขึ้น

ใน Scale AI นี้ Lucy Guo ทำหน้าที่เป็นผู้นำในฝ่ายดำเนินงานและออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นผู้ริเริ่มในยุคแรก ๆ ของบริษัทจนถึงขั้นที่ในปี 2018 ทั้งเธอและ Wang ได้ติดลิสต์ Forbes 30 Under 30 หรือนักธุรกิจที่อายุน้อยกว่า 30 ปีที่ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ในปีเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นเพียง 2 ปีหลังจากก่อตั้งบริษัท การทำงานของ Lucy Guo ที่ Scale AI ก็สิ้นสุดลงแบบกะทันหัน มีรายงานหลายฉบับชี้ว่าสาเหตุของการลาออกมาจากความขัดแย้งภายใน บ้างก็เป็นเพราะมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางของบริษัท แต่ก็มีบางแหล่งข่าวระบุชัดเจนกว่านั้นว่า Wang เป็นคนไล่เธอออก

“เรามีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ฉันภูมิใจกับสิ่งที่ Scale AI ได้สร้างขึ้น” Lucy Guo ได้แถลงการณ์สาธารณะอย่างเป็นทางการ

และแม้ว่าจะออกจากการทำงานใน Scale AI แต่เธอยังคงถือหุ้นราว 5% ของบริษัทไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ขายออก จนกระทั่งมูลค่าบริษัทของ Scale AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เลยเป็นที่มาให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างตัวเองและเป็นเศรษฐินีที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยความมั่งคั่งสุทธิในปัจจุบันที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ไม่หยุดแค่ Scale AI

หลังจากออกจาก Scale AI แล้ว Lucy Guo ก็ยังไม่ถอยออกจากวงการเทคโนโลยี แต่เธอเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ก่อตั้ง” มาเป็น “นักลงทุน” อย่างเต็มตัว โดยในปี 2019 เธอร่วมก่อตั้งกองทุน “Backend Capital” เป็นกองทุน Venture Capital ที่มีจุดยืนชัดเจนคือจะลงทุนในสตาร์ทอัพช่วงต้น (Pre-seed และ Seed Stage) และมีเงื่อนไขสำคัญคือผู้ก่อตั้งต้องเป็นวิศวกรเท่านั้น

โดย Lucy Guo อธิบายเหตุผลเชิงไว้ว่า “ฉันลงทุนเฉพาะในวิศวกร เพราะนั่นคือการการันตีได้ว่าผลิตภัณฑ์สามารถถูกสร้างขึ้นจริง” จน Backend Capital สามารถสร้างชื่อได้อย่างรวดเร็ว และติดอันดับหนึ่งในกองทุนที่มีผลงานดีที่สุดบน AngelList สำหรับกองทุนรุ่นปี 2019

แม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักลงทุน แต่ความปรารถนาที่อยากกลับมาสร้างบริษัทของตัวเองก็ยังคงอยู่ และในปี 2022 เธอก็ได้ก่อตั้งสตาร์ทอัพเป็นครั้งที่สองในชื่อ “Passes” พร้อมนั่งตำแหน่งผู้ก่อตั้งและซีอีโอ

Passes เป็นแพลตฟอร์มสร้างรายได้สำหรับอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้สร้างธุรกิจจากฐานแฟนคลับของตัวเอง คล้ายคลึงกับ Patreon และ OnlyFans แต่มีจุดขายสำคัญคือการวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเหมาะกับครอบครัว เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มคอนเทนต์ผู้ใหญ่แบบ OnlyFans และยังไม่มีกฎในการทำเงินที่เข้มงวดเหมือน Patreon อีกด้วย

Passes วางโมเดลรายได้ที่ดูใจดีกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน บริษัทเก็บค่าคอมมิชชั่นเพียง 10% ของรายได้ครีเอเตอร์ บวกค่าธรรมเนียมธุรกรรม 0.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง ซึ่งถือว่าต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง OnlyFans ที่เก็บสูงถึง 20%

สตาร์ทอัพ Passes สามารถระดมทุนได้มากกว่า 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะรอบ Series A เมื่อปี 2024 ที่นำโดย Bond Capital มูลค่าลงทุนกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ Lucy Guo เธอยังเป็น Angel Investor เข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพหลายแห่งด้วยตัวเอง ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนให้กับเธอ


บริหารเวลา-เงินสไตล์ Lucy Guo

หนึ่งในแกนหลักของภาพลักษณ์สาธารณะของ Lucy Guo คือ ปรัชญาการทำงานหนัก เธอเคยให้สัมภาษณ์กับ CNBC Make It ว่า เธอทำงานมากถึง 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 ที่เป็นที่รู้จักในจีน (ทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์) ที่ทั้งแพร่หลายและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ากดดันเกินไป

Guo เล่าว่า เธอตื่นตอนเช้า เพื่อเริ่มออกกำลังกายตอน 6 โมงเช้า จากนั้นก็จะเข้าสู่โหมดการทำงานที่จริงจังมาก ถึงขั้นที่บางครั้งจะไม่รับประทานอาหารกลางวัน เพื่อไม่ให้การทำงานถูกขัดจังหวะ แต่เธอจะเลือกรับประทานขนมระหว่างประชุมแทน ต่อด้วยการทำงานไปจนถึงราวเที่ยงคืน และบางครั้งยังไปปาร์ตี้ต่อจนถึงตีสอง จากนั้นกลับมานอน และตื่นเช้าเพื่อออกกำลังกายแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ

อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Lucy Guo คือ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสุดประหยัดตามแนวคิด “Act Broke, Stay Rich” เธอเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอมักช้อปปิ้งสินค้าจาก Shein ขับรถ Honda Civic คันเก่า และเชื่อว่าคนที่มักอวดร่ำอวดรวยคือกลุ่มเศรษฐีเงินล้าน (Millionaire) ไม่ใช่มหาเศรษฐีพันล้าน (Billionaire)

อย่างไรก็ตาม Guo ให้ความสนใจกับการทุ่มเงินมหาศาลไปกับอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าเธอจะประหยัด แต่กลับลงทุนในอสังหาฯ สุดหรูในสหรัฐอเมริกามูลค่ารวมกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์กับ Fortune ในปี 2023 ว่า “อสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนที่จะทำเงินล้านแรกเพราะในระยะยาว มูลค่าอสังหาริมทรัพย์จะขึ้นเสมอ”


ที่มา: Forbes, CNBC, Entrepreneur, Business Insider, The Economic Times [1][2]


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 



Author

Thanthida Thongphet

Thanthida Thongphet
Digital Economy & Future of Finance