ทำไม? ภาษีย้อนหลัง  อาจทำให้ธุรกิจ “ล้มละลาย”ได้

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำไม? ภาษีย้อนหลัง อาจทำให้ธุรกิจ “ล้มละลาย”ได้

Date Time: 22 ก.ย. 2568 10:39 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

อย่าคิดว่าไกลตัว! “ภาษีย้อนหลัง” ไม่ใช่แค่เบี้ยปรับ-เงินเพิ่ม แต่ คือระเบิดเวลาที่ทำให้ ธุรกิจสะดุด จนถึงขั้นล้มละลายได้

ในช่วงที่ต้นทุนพุ่ง กำลังซื้อหด การทำธุรกิจแทบทุกบาททุกสตางค์ต้องระวัง แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการหลายค นอาจมองข้ามคือ “ภาษีย้อนหลัง” เพราะถ้าวันหนึ่งถูกตรวจสอบขึ้นมา แม้ธุรกิจจะเดินหน้าดีแค่ไหน ก็มีสิทธิ์ สะดุดจนไปต่อไม่ไหว

ดั่งเช่น กรณีที่เคยเป็นข่าวดัง ช่วงปี 2567 ที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อพ่อค้าขายยำ ถึงกับมืดแปดด้าน เพราะโดนภาษีย้อนหลัง 6 ปี เป็นเงินถึง 2,500,000 บาท เคสในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง 

เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง และไม่ได้มีการจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบเหมือนนิติบุคคล ทำให้เมื่อถูกตรวจสอบย้อนหลังแล้วภาระภาษีที่ต้องจ่าย จึงเป็นก้อนใหญ่และไม่สามารถหาหลักฐานค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนได้

อีกทั้งไม่มีระบบบัญชีหลัก การซื้อ-ขายมักไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เต็มที่ กรมสรรพากรจึงมักประเมินรายได้ในอัตราที่สูงขึ้น นี่จึงอาจกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ ในเบื้องหลังความสำเร็จ และตอกย้ำว่า “ภาษีย้อนหลัง” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว 

ทำความเข้าใจ “ภาษีย้อนหลัง” 

หลายคนอาจสงสัยว่า ภาษีย้อนหลัง คือ อะไร และทำไมกรมสรรพากร ถึงรู้ว่าใครไม่ยื่นแบบภาษีหรือใครจ่ายภาษีไม่ถูกต้อง หากพูดให้ ง่ายๆ ภาษีย้อนหลัง ก็คือ การที่กรมสรรพากรตรวจสอบพบว่ามีผู้เข้าข่ายเลี่ยงภาษี หรือจ่ายภาษีไม่ถูกต้อง จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ตาม จึงส่งหนังสือแจ้งการชำระภาษีย้อนหลังมาให้นั่นเอง

ถามว่ากรมสรรพากรรู้ได้อย่างไร? ปัจจุบันมีหลายช่องทางใน การตรวจสอบ ทั้งเจ้าหน้าที่สรรพากรออกตรวจเยี่ยมด้วย ที่ สถาบันการเงินส่งข้อมูลให้เมื่อมีการรับโอนเงิน ผ่านระบบ E-payment หรือดูข้อมูลจากใบ 50 ทวิ (หนังสือรับรอง หัก ณ ที่จ่าย) ที่บริษัทต่างๆ ส่งให้กับกรมสรรพากร ตลอดจนการเปิดให้ แจ้งเบาะแสผ่านเว็บไซต์ www.rd.go.th เป็นต้น

การเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ถ้าเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและ นิติบุคคล มีอายุความ 2 ปี นับจากวันที่ยื่นภาษี แต่หากพบหลักฐานว่าจงใจหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีสามารถขยายเวลา อายุความไปได้ถึง 5 ปี กรณีผู้ที่เคยยื่นแบบภาษีสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ 10 ปี ส่วนภาษีธุรกิจสามารถตรวจสอบย้อนหลัง ได้มากถึง 10 ปีเช่นกัน

เบี้ยปรับ /เงินเพิ่ม บทลงโทษคนเลี่ยงภาษี 

ก่อนจะไปถึงมาตรการลงโทษสำหรับผู้ที่เลี่ยงจ่ายภาษี  ต้องเข้าใจก่อนว่า “เบี้ยปรับ” และ “เงินเพิ่ม” ไม่ใช่คำเดียวกัน แม้หลายคนจะสับสน แต่จริง ๆ แล้วแยกออกจากกันชัดเจน

1. เบี้ยปรับ (โทษทางแพ่ง)

  • คือค่าปรับที่เกิดขึ้นหาก ยื่นภาษีไม่ครบ หรือไม่ยื่นตามกำหนด
  • มี 2 กรณีหลัก

- ยื่นทันเวลา แต่เสียไม่ครบ จะถูกปรับ 1 เท่า ของภาษีที่ต้องจ่าย

- ไม่ยื่นภาษีตามกำหนด ปรับ 2 เท่า ของภาษีที่ต้องจ่าย 

2. เงินเพิ่ม (ดอกเบี้ยผิดนัด)

  • มีลักษณะเหมือน ดอกเบี้ยการผิดนัดชำระหนี้
  • คิด 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องจ่าย
  • นับตั้งแต่วันแรกที่เกินกำหนด จนถึงวันที่ชำระจริง

3. โทษทางอาญา (ในบางกรณี)

นอกจากโทษทางแพ่งแล้ว หากพบการกระทำที่เข้าข่าย เจตนาเลี่ยงภาษี อาจมีโทษทางอาญาด้วย ได้แก่

  • ไม่ยื่นแบบตามกำหนด ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  • จงใจแจ้งข้อความเท็จ / ใช้หลักฐานเท็จ / ฉ้อโกงภาษี มีสิทธิ์ถูกจำคุก 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับ 2,000 - 200,000 บาท
  • เจตนาละเลย ไม่ยื่นแบบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี  โทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

การเข้าใจความแตกต่างของ เบี้ยปรับ - เงินเพิ่ม - โทษอาญา จึงสำคัญมาก เพราะนี่คือ “ตัวคูณ” ที่ทำให้ภาระภาษีที่ถูกเรียกเก็บย้อนหลัง บานปลายจนบางธุรกิจรับไม่ไหว และถึงขั้น “ล้มละลาย” ได้

ทำไม “ภาษีย้อนหลัง” อาจทำให้ธุรกิจล้มละลายได้ 

จะสังเกตเห็นได้ว่า การถูกตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง มักเกิดขึ้นหลังจากที่ธุรกิจดำเนินกิจการมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าภาษีที่ค้างจ่ายนั้นได้สะสมมาเป็นเวลาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้น อย่างที่ระบุไปตอนต้น ว่า กรมสรรพากรยังเรียกเก็บค่าปรับและเงินเพิ่มที่อาจสูงถึง 1-2 เท่าของเงินต้นภาษีที่ขาด และ เงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ยังไม่ได้จ่าย ซึ่งทำให้ยอดหนี้รวมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าที่ธุรกิจจะจ่ายไหว 

  • เงินทุนที่ใช้ไปหมดแล้ว : เงินที่ควรจะนำไปจ่ายภาษีในอดีตได้ถูกนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจ เช่น การซื้อสินค้า การลงทุน หรือการจ่ายเงินเดือนพนักงาน เมื่อถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ธุรกิจจึงไม่มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอที่จะนำเงินจำนวนมากมาจ่ายได้ในทันที
  • หนี้สินที่ทับถม : เมื่อไม่สามารถจ่ายเงินต้น ภาษีที่ค้าง เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มได้ ธุรกิจก็อาจจำเป็นต้องกู้ยืมเงิน ซึ่งจะทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นไปอีก และอาจกลายเป็นวงจรหนี้ที่ไม่สามารถหลุดพ้นได้
  • สูญเสียความเชื่อมั่น เมื่อข่าวการถูกตรวจสอบภาษีแพร่กระจายออกไป ลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุนอาจมองว่าธุรกิจไม่มีความโปร่งใสหรือไม่น่าเชื่อถือ ทำให้เกิดความลังเลในการทำธุรกิจด้วย
  • การยกเลิกสัญญา คู่ค้าบางรายอาจยกเลิกสัญญาหรือลดการค้าขายลงเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของธุรกิจ
  • การฟ้องร้อง หากธุรกิจไม่สามารถชำระภาษีที่ค้างได้ตามกำหนด กรมสรรพากรก็สามารถฟ้องร้องเพื่อบังคับคดีและยึดทรัพย์สินของธุรกิจเพื่อชำระหนี้ได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่นำไปสู่การล้มละลาย

ถ้าเจอ “ภาษีย้อนหลัง” ควรทำอย่างไร?

  1. เตรียมเอกสารตามที่เจ้าหน้าที่ขอ
    • รวบรวมเฉพาะเอกสารหลักฐานที่ระบุมา
    • อย่าเตรียมมากเกินไป เพราะอาจสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติม
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
    • เพื่อวางแนวทางการชี้แจงที่ถูกต้อง
    • ลดความเสี่ยงการสื่อสารผิดพลาดกับกรมสรรพากร
  3. หากผิดจริง
    • สามารถยื่นคำร้อง ขอลดหรือยกเว้น “เบี้ยปรับ” ได้
    • แต่ ภาษีเงินต้น + เงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน) ยังต้องจ่ายครบถ้วน ไม่สามารถยกเว้นได้
  4. กรณีจ่ายไม่ไหวทันที
    • หากเบี้ยปรับหรือภาษีสูงมาก สามารถ ขอผ่อนชำระ ได้
  5. บทเรียนสำคัญ
    • การรู้เท่าทันเรื่องภาษีย้อนหลัง จะช่วยให้ผู้ประกอบการระมัดระวังมากขึ้น
    • แต่ทางที่ดีที่สุดคือ ทำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น ทั้งการยื่นภาษี และการจัดทำบัญชีอย่างโปร่งใส

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ