อย่าฝันถึงความมั่นคง ถ้ายังไม่มีแผนสำรอง 5 วิธีจัดการเงิน ให้อยู่รอด ในยุคชนชั้นกลางกำลังสั่นคลอน

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมโซเชียลไทย ถกเถียงกัน สืบเนื่องจาก โพสต์ "ชนชั้นกลางกำลังจะล่มสลาย" ที่กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลง ของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็น ปัญหา หนี้ครัวเรือนสูง, อุตสาหกรรมล้าสมัย, ความไม่พร้อมของแรงงานดิจิทัล และปัจจัยภายนอกนอกเหนือการควบคุม

 เช่น ความขัดแย้งทางการค้า, การแข่งขันจากจีน และ ส่งผลให้กำลังซื้ออ่อนแรง จนอาจทำให้ “ชนชั้นกลาง” ตกขบวน สร้างตัวได้ยาก แตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆ 

พร้อมเสนอทางออก ว่าการอยู่รอด จะต้องปรับตัวอย่างหนัก และเรียนรู้โลกใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การปรับ mindset ไปสู่การทำงานที่ เข้มแข็ง, มีประสิทธิภาพ และ พร้อมปรับตัวใช้เทคโนโลยี แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ดูเหมือนจะไม่ได้กระทบแค่เรื่อง “อาชีพ” หรือ “ความสามารถในการแข่งขัน” เท่านั้น

หากยังสะเทือนมาถึง “วิธีคิดเรื่องเงิน” และ “วิธีใช้ชีวิต” ของชนชั้นกลางไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย  เพราะในโลกที่ไม่แน่นอน ความมั่นคงไม่ใช่ของที่มีอยู่ให้คว้าแต่มันคือสิ่งที่เราต้อง สร้างขึ้นเอง  ด้วยวินัย ความรู้ และการจัดการชีวิตทางการเงินอย่างจริงจัง

ในบทความนี้ Thairath Money จึงอยากชวนกลับมาทบทวน5 แนวคิดการใช้ชีวิตและจัดการการเงินของชนชั้นกลางที่อาจช่วยให้ “อยู่รอด” และ “ยืนระยะ” ได้ในวันที่ความมั่นคงหายากกว่าที่เคย 

1. เรียนรู้เรื่องเงินให้ไว

เพราะทุกคนต้องมี “แผนที่” ก่อนลงสนาม ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร รายได้น้อยหรือมาก การเข้าใจว่าเงินของเรามาจากไหน ไหลไปไหน และจะเติบโตได้อย่างไร คือจุดตั้งต้นของความอยู่รอด คนที่ไม่เคยวางแผนการเงิน คือคนที่กำลังเดินในเขาวงกตโดยไม่มีแผนที่

อ่านบทความ : “สินทรัพย์-หนี้สิน-กระแสเงินสด” 3 คำ เปลี่ยนชีวิตการเงิน

2. ให้เงินทำงานให้เรา (ไม่ใช่เราทำงานเพื่อเงินตลอดไป)

เพราะรายได้เดียว ไม่พออีกแล้วในโลกปัจจุบันยุคนี้ชนชั้นกลางจะอยู่รอดได้ ต้องมองไกลกว่าแค่ "เงินเดือน" และไม่เก็บเงินนอนไว้นิ่งๆ ในสมุดบัญชีออมทรัพย์ 

หัดเรียนรู้ และ ลงทุน เมื่อมีความพร้อมระดับหนึ่ง ด้วยการเริ่มสร้าง passive income แม้ในระยะแรก จะยังไม่ใหญ่มาก แต่เพื่อให้เงินโตไปพร้อมกับเรา ยิ่งเร็ว-ยิ่งดี ไม่ใช่เราทำงานหนักขึ้น แต่เงินยังอยู่ที่เดิม

อ่านบทความ : “FatFIRE” เทรนด์คนอยากเกษียณ แบบ “ราชา” ไม่หวังทำงานจนแก่ 

3. ลงทุนกับสุขภาพ คือการกันเงินรั่วระยะยาว

เพราะไม่มีใครอยากเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตไปหมดกับค่ารักษาการดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือกลยุทธ์การเงินอย่างหนึ่งคนที่ไม่มีแผนดูแลสุขภาพระยะยาว หรือไม่ทำประกันอย่างเข้าใจ คือคนที่อาจต้องถอนเงินเกษียณก่อนเวลา เพื่อรักษาตัวเอง

อ่านบทความ : 5 เรื่องต้องรู้ ก่อนเลือกซื้อ “ประกันสุขภาพ” 

4. อย่าฝันถึง “ความมั่นคง” ถ้ายังไม่มี “แผนสำรอง”

เพราะความมั่นคงในยุคนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครการันตีให้เราได้อีกต่อไป ตำแหน่งงานที่มั่นคงที่สุดวันนี้ อาจกลายเป็น “ตำแหน่งที่ถูกตัด” ในครั้งหน้า

รายได้ที่เคยเข้าทุกเดือน อาจหยุดลงทันทีที่เกิดโรคระบาด เศรษฐกิจสะดุด หรือธุรกิจล้มละลาย แม้กระทั่ง “คนขยัน” ก็อาจล้มได้ ถ้าไม่มีเงินสำรองรองรับยามฉุกเฉิน

การมี “แผนสำรอง” ไม่ได้แปลว่าเราคิดลบ แต่มันคือการคิดเผื่อในโลกที่อะไรก็เกิดขึ้นได้เช่น– สำรองเงินไว้ใช้จ่าย 3–6 เดือน หากเกิดการว่างงาน– ทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้ค่ารักษาพยาบาลมากระทบเงินเก็บ– เตรียมแผนอาชีพเสริม หรือรายได้ทางเลือก หากแหล่งรายได้หลักสะดุด

คนที่เตรียมไว้ = รอด และมีแรงลุกใหม่ได้ไว

คนที่ไม่มีอะไรสำรอง = ต้องนับหนึ่งใหม่ ทุกครั้งที่โลกไม่เป็นใจ

5. เลิกวัดคุณค่าจากการใช้จ่าย ถ้าอยากมีอิสรภาพทางการเงินในอนาคต

เพราะชนชั้นกลางที่แบกภาพลักษณ์เกินกำลัง คือคนที่ยืนได้ไม่นานในยุคที่ทุกอย่างดูดีเกินจริงในโซเชียลคนที่กล้าดูเรียบง่าย และซื่อสัตย์กับสภาพการเงินตัวเองคือคนที่วางรากฐานไว้ถูกต้องตั้งแต่ต้น

สุดท้าย การเป็นชนชั้นกลางในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของตำแหน่งหน้าที่ หรือรายได้ต่อเดือนแต่มันวัดกันที่ วิธีคิดต่อชีวิตและการเงิน ใครปรับตัวเร็ว กล้าเรียนรู้ และยอมรับความไม่แน่นอน คนนั้นอาจไม่ต้อง “ฝันถึงความมั่นคง” เพราะเขาจะ “สร้างมันขึ้นมา” ได้เอง

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney