
นักลงทุนหลายคนต่างเฝ้ารอการประกาศผลประกอบการและการจ่าย "เงินปันผล" จากบริษัทจดทะเบียนที่ตนเองถือหุ้นอยู่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจและค่อนข้างมั่นคงสำหรับผู้ลงทุน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนหลายท่านอาจมองข้ามเรื่องของ "ภาษีเงินปันผล" หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ที่สามารถเลือกให้เป็นภาษีสุดท้าย (Final Tax) หรือนำเงินปันผลไปรวมคำนวณกับรายได้อื่นในการยื่นภาษีประจำปี ซึ่งอาจสามารถขอคืนภาษีที่ถูกหักไปได้
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(4)(ข) กำหนดให้เงินปันผล (รวมถึงเงินส่วนแบ่งกำไร) ที่ได้รับจากการถือหุ้นหรือหน่วยลงทุน ถือเป็น "เงินได้พึงประเมิน" ประเภทหนึ่งที่บุคคลธรรมดาต้องนำมาพิจารณาในการเสียภาษีเงินได้ประจำปี
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน สมมติว่านักลงทุนได้รับเงินปันผลประกาศจ่ายจากบริษัท A จำนวน 100,000 บาท ก่อนโอนเงินเข้าบัญชี บริษัท A จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 10% คิดเป็นเงิน 10,000 บาท (100,000 บาท x 10%)
ดังนั้น เงินปันผลสุทธิที่นักลงทุนจะได้รับโอนเข้าบัญชีคือ 90,000 บาท (100,000 บาท - 10,000 บาท) โดยในใบ 50 ทวิ จะระบุยอดเงินปันผลก่อนหักภาษี 100,000 บาท และยอดภาษีที่หักไว้ 10,000 บาท
อย่างไรก็ตาม การเข้าใจกลไกนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพิจารณาทางเลือกในการจัดการภาษีเงินปันผล ซึ่งอาจนำไปสู่การขอคืนภาษีที่ถูกหักไว้ได้ในบางกรณี
เมื่อถึงกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี นักลงทุนบุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินปันผล จะมีทางเลือกหลักอยู่ 2 ทางในการจัดการกับเงินได้ส่วนนี้
ทางเลือกที่ 1 เลือกให้ภาษี 10% ที่ถูกหักไว้เป็นภาษีสุดท้าย (Final Tax)
นักลงทุนสามารถเลือกที่จะ “ไม่” นำเงินปันผลที่ได้รับ (และถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ไปแล้ว) ไปรวมคำนวณกับเงินได้ประเภทอื่น ๆ ในการยื่นภาษีประจำปี โดยภาษี 10% ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไป ถือเป็นภาษีสิ้นสุดสำหรับเงินปันผลก้อนนั้น ไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเพิ่มเติมอีก
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ “ไม่สามารถ” ขอคืนภาษี 10% ที่ถูกหักไปได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ และไม่ว่าฐานภาษีโดยรวมของผู้ลงทุนจะเป็นเท่าใดก็ตาม นี่เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมหลังจากได้รับเงินปันผลสุทธิ
ทางเลือกที่ 2 เลือกนำเงินปันผลไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น ๆ ประจำปี
นักลงทุนเลือกที่จะนำเงินปันผลที่ได้รับ (ยอดก่อนหักภาษี) ไปรวมแสดงเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทหนึ่ง ร่วมกับเงินได้อื่น ๆ เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าเช่า ในการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 การเลือกทางนี้เป็นการ "เปิดประตู" สู่สิทธิประโยชน์ทางภาษี 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งนักลงทุนอาจได้รับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ได้แก่
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า การเลือกนำเงินปันผลไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น ๆ ประจำปี เป็นเพียงประตูของการขอคืนภาษี การจะได้รับประโยชน์หรือไม่นั้น (กรณีฐานภาษีสูงมาก) ขึ้นอยู่กับการคำนวณภาษีตามสถานการณ์จริงของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ดี การพิจารณาโครงสร้างรายได้และฐานภาษีของตนเองอย่างรอบคอบ จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในหุ้นปันผลได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นับเป็นโอกาสทางการเงินที่ไม่ควรมองข้าม
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้