ธนันธร มหาพรประจักษ์ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท.ในบริบทของเศรษฐกิจการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงจาก โควิด-19 ข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และสภาพคล่องที่มีมากในระบบการเงินโลกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของหลายธนาคารกลางส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวนมากขึ้น ดังนั้นในระยะต่อไปเศรษฐกิจการเงินไทยยังต้องเผชิญกับความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่มีมากขึ้น การบริหารจัดการความเสี่ยงนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs บางขุนพรหมชวนคิดในวันนี้จึงชวนท่านผู้อ่านทำความรู้จักกับเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและแนะนำโครงการประกันค่าเงินของธปท.ซึ่งเป็นโครงการที่จะมาช่วยจัดการความเสี่ยงนี้ค่ะ
ความผันผวนของค่าเงินเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากและไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ในปีนี้เงินบาทมีทั้งการอ่อนค่าและแข็งค่าโดยในช่วงที่เงินบาทผันผวน ธปท.จะดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรงและเร็วเกินไปจนกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัวของภาคธุรกิจในระยะสั้น อย่างไรก็ดี นอกจากจะเป็นเรื่องของธนาคารกลางแล้วผู้ประกอบการควรต้องรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้นผ่านการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อจำกัดผลกระทบต่อรายได้และต้นทุน
แล้วเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมีอะไรบ้าง? โดยทั่วไปมี2เครื่องมือหลักเครื่องมือแรกคือการทำสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forwardcontract) หรือที่หลายคนเรียกว่าการจองฟอร์เวิร์ด โดยเป็นการตกลงที่จะซื้อหรือจะขายเงินตราต่างประเทศกับธนาคารณวันที่กำหนดไว้ในอนาคต ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนและจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ ณ ปัจจุบัน เครื่องมือถัดมาคือการซื้อสิทธิ์ที่จะซื้อหรือสิทธิ์ที่จะขายเงินตราต่างประเทศในอนาคต (Options) ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนและจำนวนเงินที่ได้ตกลงไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ เครื่องมือทั้ง2ประเภทมีความยืดหยุ่นแตกต่างกันโดย Options จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าเพราะสามารถเลือกใช้สิทธิ์หรือไม่ก็ได้ในขณะที่การใช้ Forwards จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
นอกเหนือจากเครื่องมือทางการเงินแล้ว ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้ทางเลือกอื่นในการบริหารความเสี่ยงได้เช่นกัน อาทิ การเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ในไทย ในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ต้องการที่จะขายเงินตราต่างประเทศทันทีการบริหารรายได้และรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้สอดคล้องกันหรือการจัดการแบบ Naturalhedge การใช้เงินตราต่างประเทศหลายสกุลกับคู่ค้าแทนการใช้เงินสกุลเดียวเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลากหลายวิธีในการป้องกันความเสี่ยงแต่การขาดความรู้ความเข้าใจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ไม่กล้าป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อแก้ปัญหาธปท.ได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงานภาครัฐหาทางช่วยเหลือโดยตั้งแต่ปี 2561 ได้มีโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ SMEs รวมถึงหากผู้ประกอบการใดมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและผ่านการอบรมภาครัฐจะสนับสนุนเงินให้ทดลองใช้เครื่องมือ “การประกันค่าเงิน” หรือ FXoptions ซึ่งในปี 2563 ให้วงเงินรวม 100,000 บาท ต่อราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆที่ให้เงินอุดหนุน 30,000 บาทต่อรายในปี2561 และ 50,000 บาท ต่อรายในปี2562 โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามได้จากธนาคารที่ร่วมโครงการ
มองไปข้างหน้าความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้มีแนวโน้มลดลงหากผู้ประกอบการไม่บริหารความเสี่ยงเลยผู้ส่งออกมีโอกาสจะทำกำไรได้มากในกรณีบาทอ่อนแต่ก็มีโอกาสขาดทุนมากเช่นกันหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นจึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการให้นำค่าประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเป็นต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกับการส่งสินค้าไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องซื้อประกันการขนส่งสินค้าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็เช่นเดียวกันควรเป็นส่วนหนึ่งของการทำประกันตามปกติค่ะ
**บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลจึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด**