หยุดถือ LTF ลุยลงทุน SSF ดีไหม ส่องทริก ลดหย่อนภาษี มีเงินเก็บเต็มเป๋า

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หยุดถือ LTF ลุยลงทุน SSF ดีไหม ส่องทริก ลดหย่อนภาษี มีเงินเก็บเต็มเป๋า

Date Time: 26 ธ.ค. 2562 21:15 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

หยุดถือกองทุน LTF ลุยลงทุนกองทุน SSF ดีไหม พาไขคำตอบ ควรถือหรือไปต่อ พร้อมส่องทริก "วางแผนลดหย่อนภาษี" มีเงินเก็บเหลือเต็มเป๋า

หยุดถือ กองทุน LTF ลุยลงทุน กองทุน SSF ดีไหม พาไขคำตอบ ควรถือหรือไปต่อ พร้อมส่องทริก "วางแผนลดหย่อนภาษี" มีเงินเก็บเหลือเต็มเป๋า

ภาคภูมิ พีรยวัฒนา AFPT™ Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้ อธิบายกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ว่า กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Saving Fund) หรือ กองทุน SSF ซึ่งรัฐบาลประกาศว่าจะมาเป็นตัวแทน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ในฐานะเครื่องมือในการออมระยะยาว ควบคู่ไปกับการได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั่น เราจะขอธิบายให้เห็นภาพดังนี้

- กองทุน SSF สามารถซื้อได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 200,000 บาท 

- ไม่มียอดเงินลงทุนขั้นต่ำ

- ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

- หากนับรวมกองทุน SSF กับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน กบข. ประกันบำนาญ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ที่ซื้อแต่ละปีแล้วนั้น เมื่อมารวมกันจะต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี

- นักลงทุนจะต้องถือครอง SSF เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยนับแบบวันชนวัน

- ในแง่ของนโยบายการลงทุนของ SSF เมื่อเทียบกับ LTF แล้ว ถือว่ากองทุน SSF จะมีขอบเขตนโยบายการลงทุนที่เปิดกว้างกว่า เนื่องจากสามารถเลือกลงทุนหลักทรัพย์ไม่ได้จำกัดแค่หุ้นเพียงอย่างเดียว แต่สามารถลงทุนสินทรัพย์ได้ทุกประเภทคล้ายกับกองทุน RMF

กองทุน LTF ถือต่อหรือพอแค่นี้ ?

ภาคภูมิ กล่าวว่า คนที่ลงทุนในกองทุน LTF อยู่แล้ว เรามองว่าปัจจัยในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับ LTF ที่มีอยู่นั้น ไม่ได้ขึ้นกับการมาของ SSF หากแต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่มีความสำคัญกว่า

ยกตัวอย่างเช่น ผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ของเราที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ความจำเป็นในการใช้เงินลงทุนก้อนดังกล่าวมีมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงความน่าสนใจของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะยาว ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่จะต้องประเมินโอกาสและความเสี่ยงในอนาคตตามมุมมองของตนเอง เชื่อว่าคำตอบที่ได้ของแต่ละคนนั้นน่าจะออกมาแตกต่างกัน

แต่สิ่งที่ทุกคนจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งคือ การขาย LTF แบบผิดเงื่อนไข ซึ่งก็คือ การขายก่อนครบกำหนด 7 ปีปฏิทิน จะทำให้เราต้องคืนภาษีที่ได้รับการยกเว้นย้อนหลัง พร้อมทั้งจ่ายเงินคืนเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือนนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ของปีที่ผู้ลงทุนขอยกเว้นภาษีจนถึงเดือนที่ผู้ลงทุนทราบว่าตนเองได้ทำผิดเงื่อนไขการลงทุน

นอกจากนี้ กรณีที่กองทุนมีกำไรจากการลงทุน ผู้ลงทุนจะต้องนำกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital gain) ของกองทุน LTF ไปรวมเป็นเงินได้ของปีที่ขายคืนเพื่อเสียภาษีเงินได้อีกด้วย ดังนั้น การถือ LTF จนครบเงื่อนไข จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องทำก่อนที่จะตัดสินใจขาย

LTF ยังซื้อได้หรือไม่ ?

จากการสำรวจข้อมูลของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. หลังจากเปิดทำการในปี 2563 เป็นต้นไป นักลงทุนจะไม่สามารถเข้าลงทุนใน LTF ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ยังสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ภายใน LTF ด้วยกัน

ขณะเดียวกัน ถ้ากองทุนที่ลงทุนอยู่เดิมมีผลการดำเนินงานไม่เป็นที่น่าพึ่งพอใจก็ยังสามารถโอนย้ายหน่วยลงทุนไปยังบลจ.อื่นได้ ทั้งนี้นักลงทุนก็ต้องศึกษาเงื่อนไขการคิดค่าธรรมเนียมการโอนย้ายออกให้ดีก่อนทำการตัดสินใจ

ซื้อกองทุน LTF แบบ DCA ทำอย่างไร

สำหรับนักลงทุนที่ทำการคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน LTF แบบ Dollar Cost Averaging หรือ DCA ล่วงหน้านั้น บลจ. จะทำการยกเลิกคำสั่งการทำรายการซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้า LTF แบบอัตโนมัติดังกล่าวที่ตั้งไว้ และส่งจดหมายแจ้งไปยังผู้ถือหน่วยลงทุน

หากนักลงทุนไม่ได้รับการติดต่อจากทางบลจ. เราแนะนำให้ท่านติดต่อและสอบถามกับทางบลจ.โดยตรง เพื่อเป็นการยืนยันว่ารายการคำสั่งซื้อ LTF แบบอัตโนมัติล่วงหน้าได้ถูกยกเลิกเรียบร้อยแล้ว

ควรซื้อกองทุน SSF แบบ DCA หรือไม่ ?

ภาคภูมิ กล่าวว่า ในประเด็นนี้นักลงทุนที่ตั้งใจจะทำ DCA ใน SSF ทุกเดือนเหมือนที่เคยทำกับ LTF ก็คือ ระยะเวลาที่ครบกำหนดของกองทุน SSF จะอยู่ที่ 10 ปี นับแบบวันชนวัน ต่างจาก LTF ที่จะมีระยะเวลาการลงทุนแบบ 7 ปีปฏิทิน

ผลก็คือ หากเราเข้าซื้อ SSF แบบ DCA ทุกเดือนตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป จะทำให้ SSF ทยอยครบกำหนดในปี 2573 ทีละเดือนตั้งแต่ ม.ค.ถึง ธ.ค. ซึ่งต่างจากกรณีของ LTF ที่ถึงเวลาครบกำหนดจะสามารถไถ่ถอนออกได้เป็นเงินก้อน

อย่างไรก็ตาม ทำให้การขายคืน SSF จะมีความยากลำบากมากกว่า เมื่อเทียบกับ LTF หากต้องการลงทุนแบบ DCA เราแนะนำให้นักลงทุนเน้นไปลงทุนที่กองทุน RMF มากกว่าเนื่องจากมีวิธีนับแบบวันชนวันและมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายเช่นเดียวกับกองทุน SSF

วางแผนลดหย่อนภาษีปี 63

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในการวางแผนลดหย่อนภาษีผ่านการลงทุน SSF ในปีต่อๆ ไปจะลดลงเมื่อเทียบกับสิทธิที่เราเคยได้รับปีก่อนๆ จากเดิมที่สามารถลงทุนกองทุน LTF-RMF และกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุประเภทอื่นๆ รวมกันทั้งหมดไม่เกิน 1 ล้านบาท กลายเป็นสามารถลงทุนกองทุน SSF, RMF และกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุประเภทอื่นๆ รวมกันทั้งหมดไม่เกิน 5 แสนบาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เรายังคงสามารถวางแผนภาษีผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทต่างๆ ได้ที่ยังให้สิทธิประโยชน์ในการนำไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน เช่น การลงทุนผ่านกองทุนรวม RMF เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

รวมถึงการทำประกันสุขภาพเพื่อเป็นการปิดความเสี่ยงจากการที่เราต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ การทำประกันชีวิตเพื่อเป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับครอบครัวหรือคนที่เรารัก

ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการออมเงินรูปแบบหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอนและมีความเสี่ยงต่ำ หรือการซื้อประกันบำนาญเพื่อการันตีการรับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอตลอดช่วงวัยหลังเกษียณ

รวมถึงการใช้ช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป็นการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อมาช่วยลดหย่อนภาษีได้ เช่น การบริจาคทางการศึกษา ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาคที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปี 2563 จะมีการเปลี่ยนแปลงจากกองทุน LTF มาเป็น SSF แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของกองทุนทั้ง 2 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือ ต้องการสนับสนุนให้คนไทยเก็บออมและลงทุนระยะยาว เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีควบคู่กับการประหยัดภาษี

ดังนั้นการวางแผนภาษีที่ดีนั้น จึงควรเน้นการบริหารจัดการแบบบูรณาการร่วมกับการวางแผนการลงทุนและการวางแผนประกัน เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อความมั่งคั่งของเราในระยะยาว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ