ไขปริศนาต่างชาติขายหุ้นไทยหนัก แต่ “สัดส่วนถือครอง” แทบไม่ลด กูรูชี้ อิทธิฤทธิ์ DELTA ลวงตา

เคยสงสัยไหมว่าในขณะที่เราได้ยินข่าว "นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย" อย่างต่อเนื่องแทบทุกไตรมาส ยอดขายสุทธิสะสมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 8.75 แสนล้านบาท แต่เมื่อดูข้อมูลสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยโดยรวมของนักลงทุนต่างชาติ กลับพบว่าตัวเลขดังกล่าวไม่ได้ลดน้อยลงไปมากนัก

ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า แม้แรงขายของต่างชาติจะเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในหุ้นไทยส่วนใหญ่ แต่ภาพรวมของสัดส่วนการถือครองกลับถูก "บดบัง" ด้วยอิทธิพลของหุ้นเพียงตัวเดียว นั่นคือ DELTA

ปมปริศนานี้ซ่อนอยู่ในการคำนวณสัดส่วนการถือครองที่อ้างอิงจาก "มูลค่าตามราคาตลาด" หรือ Market Cap เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้น DELTA ในสัดส่วนที่สูงมากกว่า 90%

และเมื่อราคาหุ้น DELTA ปรับตัวสูงขึ้นมหาศาลจนมี Market Cap พุ่งทะยานไปถึง 2 ล้านล้านบาท (คิดเป็น 13-14% ของ Market Cap ทั้งตลาด) มูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของหุ้นตัวนี้เพียงตัวเดียว จึงมีน้ำหนักมากพอที่จะพยุงให้สัดส่วนการถือครองโดยรวมของต่างชาติดูไม่ลดลง แม้ว่าพวกเขาจะกำลังเทขายสุทธิในหุ้นตัวอื่นๆ ก็ตาม

นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง

ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาพรวมกระแสเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยว่า แม้ในอดีตที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติจะมีการขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่สัดส่วนการถือครองของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยกลับดูเหมือนไม่ลดลงมากนัก

ข้อมูลชี้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิสะสมรวมแล้วกว่า 8.75 แสนล้านบาท โดยมีการขายในแต่ละไตรมาสตกประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อไตรมาส

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับการขายสุทธิในทุกไตรมาส มีเพียงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เท่านั้น ที่มีการซื้อกลับเข้ามา ซึ่งเป็นผลจากความคาดหวังในการเก็งกำไรเรื่องวายุภักษ์

อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่าแรงขายอาจจะลดน้อยลงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เนื่องจากมีบางช่วงที่มีการสลับกลับเข้ามาซื้อบ้าง ซึ่งปีก่อนหน้านั้นในไตรมาส 3 แรงขายเคยลดลงไปเหลือเพียง 17,000 ล้านบาท

ชี้ "เดลต้า" ทำให้สัดส่วนการถือครองถูกบดบัง

ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส อธิบายถึงปรากฏการณ์ที่ต่างชาติขายสุทธิ (Net Sell) อย่างต่อเนื่อง แต่สัดส่วนการถือครองดูไม่ลดลงว่า เป็นผลมาจากการคำนวณสัดส่วนที่อ้างอิงจาก มูลค่า Market Cap โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลของหุ้น DELTA

เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติถือหุ้น DELTA อยู่ในสัดส่วนสูงกว่า 90% และเมื่อหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นจนมี Market Cap สูงถึง 2 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 13-14% ของ Market Cap รวมของ SET ทั้งหมดที่ 16 ล้านล้านบาท ทำให้ สัดส่วนการถือครองของต่างชาติโดยรวมจึงดูไม่ลดลง หรือถูกบดบังไว้ด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของ DELTA

ภราดร ยอมรับว่าการที่ DELTA มี Market Cap ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ แต่มีกำไรไม่มากนัก ทำให้การประเมินภาพรวมตลาดเป็นไปได้ยากขึ้น DELTA มีกำไรที่คาดการณ์ไว้เพียงประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2% ของกำไรสุทธิรวมทั้งตลาด ด้วย Market Cap ที่ใหญ่ถึง 13-14% แต่มีกำไรเพียงเล็กน้อย ทำให้การประเมินค่า EPS (Earnings Per Share) หรือภาพรวม SET โดยรวมดูเข้าใจได้ยากขึ้น

อย่างไรก็ดี การมีหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA ในตลาดหุ้นไทย ก็ถือเป็นสีสันและเป็นทางเลือกในการลงทุนให้นักลงทุน

ภราดร ให้คำแนะนำแก่นักลงทุนในการรับมือกับภาพรวมตลาดที่ถูกบดบังด้วยปัจจัย DELTA ว่า ควรโฟกัสการประเมินเป็นรายตัวมากขึ้น หากจะประเมินหุ้น DELTA โดยเฉพาะ ควรแยกออกมาดู

และสามารถเปรียบเทียบกับราคาหุ้น DELTA บริษัทแม่ เนื่องจากทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น DELTA ลูกกับ DELTA แม่นั้นใกล้เคียงกัน ดังนั้น หากหุ้น DELTA แม่มีการย่อตัวลง หุ้น DELTA ลูกก็มีโอกาสที่จะย่อตามเช่นกัน

นอกจากนี้ ตลาดหลักดทรัพย์ฯ ก็ได้มีการจัดการเพื่อลดความผิดเพี้ยนของดัชนีแล้ว โดยใน SET 50 และ SET 100 มีการ Rebalance สัดส่วนการคำนวณของ DELTA ให้เหลือเพียง 10% ทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งทำให้ผลกระทบต่อดัชนีรวมไม่มากนัก

อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางส่วนก็มองว่าการมีหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เช่นนี้ ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ตลาดด้วย

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney