ส่องราคาหุ้น 2 แบงก์ หลังประกาศงบ KBANK บวก 1.01% กำไรยังโตได้ ด้าน KKP ร่วง 7.17% กำไรวูบหนัก

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ส่องราคาหุ้น 2 แบงก์ หลังประกาศงบ KBANK บวก 1.01% กำไรยังโตได้ ด้าน KKP ร่วง 7.17% กำไรวูบหนัก

Date Time: 21 เม.ย. 2568 10:52 น.

Video

กลเม็ดแบบ Netflix ทำไมคู่แข่งเลียนแบบให้ตายยังไง ก็ไล่ไม่ทัน | Digital Frontiers

Summary

  • KBANK ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 13,791 ล้านบาท เติบโต 1.08% ขณะที่ KKP เผชิญความท้าทาย กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1,062 ล้านบาท ลดลง 29.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

Latest


จับตาฤดูประกาศงบไตรมาส 1/68 เปิดฉากแล้วอย่างเป็นทางการด้วยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยวันนี้ (21 เม.ย. 68) สปอตไลท์ส่องไปที่ 2 แบงก์ใหญ่อย่าง KBANK และ KKP ที่มีการรายงานกำไรออกมา

โดย KBANK โชว์ฟอร์มแกร่งกำไรสุทธิอยู่ที่ 13,791 ล้านบาท เติบโต 1.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ KKP เผชิญความท้าทาย กำไรอยู่ที่ 1,062 ล้านบาท ลดลง 29.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านราคาหุ้นเช้านี้ ณ เวลา 10.06 น. หุ้น KBANK อยู่ที่ 150 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +1.01% ขณะที่หุ้น KKP อยู่ที่ 51.75 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ -7.17%

KBANK กำไร 1.3 หมื่นล้านบาท โต 1.08%

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KBANK รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจํานวน 3,023 ล้านบาท หรือ 28.08% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 147 ล้านบาท หรือ 1.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดําเนินงานสําหรับไตรมาส 1/68 เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจํานวน 2,761 ล้านบาท หรือ 7.23% เป็นผลจากการเผชิญแรงกดดันของภาวะอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.41%

แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจํานวน 1,826 ล้านบาท หรือ 15.39% จากกําไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไรหรือขาดทุน รายได้จาก การลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดําเนินงานสุทธิลดลงจํานวน 935 ล้านบาท หรือ 1.87% โดยค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานอื่นๆ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทําให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดําเนินงาน สุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 40.84%

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบ ตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ จึงพิจารณาตั้งสํารองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จํานวน 9,818 ล้านบาท เพื่อให้สํารองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศที่มี แนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน และเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง

KKP กำไรวูบ 29.5% เหลือ 1,062 ล้านบาท

ด้าน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KKP รายงานว่าสําหรับไตรมาส 1/68 ธนาคารเกียรตินาคินภัทรและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิจํานวน 1,062 ล้านบาท ปรับลดลง 29.5% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 โดยหลักจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง 15.4% จากการชะลอตัวของสินเชื่อตามมาตรการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อไปในประเภทที่มีคุณภาพสูงและจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยตามการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทางด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ยังสามารถทําได้ในระดับที่ดีโดยปรับเพิ่มขึ้น 16.4% โดยหลักจากการเพิ่มขึ้นของ รายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจการจัดการกองทุน ที่มีรายได้ปรับเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การให้คําแนะนําการลงทุนและสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยใน ส่วนของกําไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไรหรือขาดทุนปรับลดลงตามภาวะตลาด ส่งผล ให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวมแล้วปรับตัวลดลงที่ 4.6%

ทางด้านผลขาดทุนจากการขายรถยึดปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องโดยปรับตัวลดลง 51.9% จากไตรมาส 1/67 ธนาคารยังคงความระมัดระวังในการพิจารณาตั้งสํารอง โดยผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสําหรับไตรมาส 1/68 มีจํานวน 1,104 ล้านบาท สําหรับอัตราส่วนสํารองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต ณ สิ้นไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 131.0% ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม อยู่ที่ 4.4%


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ