
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง “เศรษฐกิจไทยปีนี้–ปีหน้า: ความท้าทาย เสถียรภาพ และความเชื่อมั่นที่ต้องเร่งฟื้น” ว่าปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนสูง ตลอดทั้งปี ภาคธุรกิจต้องปรับตัวกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนด้านนโยบาย และแรงกดดันจากภายนอกที่ควบคุมได้ยาก ขณะที่เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจหลายตัวเดินได้ไม่เต็มศักยภาพ
“เมื่อมองไปยังปีหน้า ภาพความท้าทายยังคงชัดเจน และมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น หากปัจจัยการเมืองยังไม่สามารถสร้างเสถียรภาพได้ การเมืองที่ไม่นิ่ง มีเงื่อนไขและข้อจำกัดทางการเมืองจำนวนมาก ย่อมส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่สามารถกำหนดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน และนำไปสู่การมีรัฐบาลใหม่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ ปัญหาทางเศรษฐกิจในปีหน้าจะยิ่งทวีความหนักหน่วงมากขึ้น”
ในมิติของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การส่งออกของไทยในปีหน้ามีความเสี่ยงสูง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น หากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าในระดับปัจจุบัน ภาคการส่งออกมีโอกาสเผชิญภาวะติดลบตั้งแต่ไตรมาสแรก และอาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ ก็เผชิญแรงกดดันไม่น้อย ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ประเทศไทยมีต้นทุนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ขณะเดียวกัน สถานการณ์ความขัดแย้งและสงครามในหลายภูมิภาค ส่งผลให้บางประเทศในยุโรปเริ่มยกระดับคำเตือนการเดินทางมายังประเทศไทย ปัจจัยเหล่านี้อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ทั้งในช่วงปลายปีนี้และต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า
สำหรับการลงทุน ภาคเอกชนเห็นตรงกันว่า “ความเชื่อมั่น” คือหัวใจสำคัญ แม้ประเทศไทยจะมีมาตรการและแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนที่แข่งขันได้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญไม่แพ้สิทธิประโยชน์ คือเสถียรภาพทางการเมือง ความชัดเจนของนโยบาย และความต่อเนื่องในการบังคับใช้กฎหมาย
หอการค้าไทยจึงให้ความสำคัญกับการผลักดันการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ตั้งแต่การส่งเสริมการลงทุน การจัดตั้งโรงงาน การนำเข้าแรงงานและผู้เชี่ยวชาญ การอำนวยความสะดวกด้านการค้า ไปจนถึงการส่งออก เพื่อมุ่งสู่ระบบ “วันสต็อปเซอร์วิส” ที่แท้จริง ควบคู่กับการลดอุปสรรคเชิงระบบและการคอร์รัปชัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุนกลับมายังประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ในที่สุดแล้ว ความสามารถในการแข่งขันของประเทศในปีหน้า จะขึ้นอยู่กับการสร้างเสถียรภาพ ความเชื่อมั่น และการเดินหน้าร่วมกันของทุกภาคส่วน หอการค้าไทยหวังเห็นการบริหารประเทศที่มีทิศทางชัดเจน การเมืองที่เป็นกลไกสนับสนุนเศรษฐกิจ ไม่ใช่ปัจจัยซ้ำเติม และนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถประคองตัว ฝ่าความท้าทาย และเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงในปีหน้าและในระยะยาว”