ชาวสวนผลไม้น้ำตาร่วง!!

ใครว่าปีนี้จะเป็นอีก 1 ปีทองของผลไม้ไทย?? ผ่านฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก จนเข้าฤดูกาลผลไม้ภาคใต้ และภาคเหนือแล้วในขณะนี้ ก็ยังไม่เห็นเป็นอย่างที่ว่า

“ปีทอง” หมายความว่า ชาวสวนจะขายผลผลิตได้ในราคาเหมาะสม ถ้าสูงกว่าต้นทุนมากๆยิ่งดี เพราะจะช่วยให้ “ปลดหนี้” ได้เร็ว มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เอาเข้าจริง ผลไม้ภาคตะวันออก ที่ผลผลิตออกก่อนใคร อย่างทุเรียน ราคาสูงได้ไม่กี่วัน ก็ซมพิษ “BY2” จนกระทบการส่งออกไปจีน

หนำซ้ำ ปีนี้ผลไม้ยังออกมากกว่าปีก่อน จึงยิ่งฉุดราคาลงแรง จากทุเรียนปีก่อนๆที่เคยพุ่งถึง กก.ละ 200-220 บาท ก็ร่วงระเนระนาด และทำให้ผลไม้อื่นๆ ราคาลงตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งแก้ปัญหาจ้าละหวั่น กว่าปัญหาจะจบ ผลผลิตก็ออกเกือบหมด ชาวสวนแทบไม่ได้ประโยชน์เลย

เท่านั้นยังไม่พอ!! ผลไม้ไทยยังซมพิษ “อังเคิลฮุน เซน” ปล่อยคลิปเสียงสนทนากับนายกฯไทย จนเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ลามไปถึงจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่าน และห้ามนำเข้าผัก ผลไม้ไทย ปิดช่องทางขนส่งสู่จีน ส่งผลให้ผลไม้ภาคใต้ ทั้งทุเรียน มังคุด ราคาร่วงหนักมาก อย่างมังคุด ชาวสวนขายไม่ถึง กก.ละ 5 บาท กระทรวงพาณิชย์ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ออกมาตรการช่วยเหลือเท่าที่ทำได้

และล่าสุด ถึงคิวของลำไยภาคเหนือ ที่ราคาดิ่งลงๆ ทุกวัน กก.ละ 2 บาท ล่าสุด วันที่ 21 ก.ค.68 เกรด AA กก.ละ 12 บาท, A 6 บาท, เกรด B 3 บาท ส่วนเกรด C วันก่อนซื้อ 50 สตางค์ แต่ก็ไม่ซื้อแล้ว เพราะโรงอบไม่มีพื้นที่เก็บ สาเหตุที่ราคาตกต่ำ เพราะปีนี้ อากาศเย็นนาน ลำไยติดดอกมาก และมีผลผลิตถึง 1 ล้านตัน มากขึ้นกว่า 117,102 ตัน จากปีก่อน 947,140 ตัน

แม้กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 68 รวม 7 มาตรการ 25 แผนงาน ครอบคลุมด้านการตลาดในประเทศ และต่างประเทศไว้แล้วตั้งแต่ก่อนผลผลิตออก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดึงราคาขึ้นมาได้ เพราะหลายปัญหาถาโถมเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน

แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติมแล้ว โดยเฉพาะลำไย ได้ออกถึง 8 มาตรการเพิ่มเติม ได้แก่ 1.เชื่อมโยงลำไยส่งออก 2.จัดกิจกรรมกระตุ้นบริโภค 3.เชื่อมโยงลำไยผ่านเครือข่ายพันธมิตร 4.ดึงภาคเอกชนช่วยซื้อทำ CSR 5.สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ให้เกษตรกร 6. เชื่อมโยงผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตทำลำไยอบแห้ง 7.เชื่อมโยงสินค้าเข้าสู่ปั๊มน้ำมันเพื่อแจกให้ลูกค้า 8. ขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ

นอกจากนี้ ยังตั้ง “วอร์รูม” ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และเตรียมมาตรการฉุกเฉินกรณีจำเป็น เช่น สนับสนุนค่าบริหารจัดการในการอบแห้งให้โรงอบ, หาตลาดส่งออกใหม่ๆ, กระตุ้นการนำเข้าในตลาดเป้าหมายหลัก, เพิ่มช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมทั้งเตรียมแก้ปัญหาสินค้าเกษตรเชิงโครงสร้างทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาอย่างยั่งยืน

ถ้าทุกรัฐบาลสร้างความเจริญให้ประเทศจริงจัง ไม่เล่นการเมือง หาประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้องอย่างเดียว คนไทยคง “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” นานแล้ว ไม่ต้องนั่งน้ำตาตกแบบนี้!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม