ลุ้นระทึก "จีดีพี" ปีหน้าชะลอตัว "อภิศักดิ์" ชี้การเมืองสงบดันเศรษฐกิจไทยพุ่ง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ลุ้นระทึก "จีดีพี" ปีหน้าชะลอตัว "อภิศักดิ์" ชี้การเมืองสงบดันเศรษฐกิจไทยพุ่ง

Date Time: 13 ธ.ค. 2561 09:35 น.

Summary

  • “อภิศักดิ์” มองเศรษฐกิจไทยปีหน้าไม่สดใสตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ชี้การเมืองต้องสงบและมีเสถียรภาพถึงจะดันเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้

Latest

จับตาประชุมอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย กสทช. หลังทรูร่อนจดหมาย คัดค้าน นพ.ประวิทย์

“อภิศักดิ์” มองเศรษฐกิจไทยปีหน้าไม่สดใสตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ชี้การเมืองต้องสงบและมีเสถียรภาพถึงจะดันเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ ด้านสำนักงบประมาณตั้งเป้าเบิกจ่ายงบประมาณปีนี้ 100% พร้อมจัดทำงบให้สอดคล้องกับแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีการเลือกตั้ง 2562” ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ อาจจะปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทย ภาคบริการและการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังถือว่า ค่อนข้างดี การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องถึง 4 ไตรมาส การบริโภคขยายตัวต่อเนื่องถึง 6 ไตรมาส โดยชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนไทยต้องลงทุนมากขึ้น ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ยังเชื่อว่าจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น แม้จะยังไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งก็ตาม

“เท่าที่หารือกับนักลงทุนต่างชาติ มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การไม่มีเสถียรภาพซึ่งเป็นหัวใจสำคัญโดยนักลงทุนจะรอดูว่าสถานการณ์บ้านเมืองสงบหรือไม่ แล้วค่อยตัดสินใจ จึงกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ”

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้าคาดว่าจะยังสามารถขยายตัวได้เกิน 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่อาจขยายตัวได้น้อยกว่าปีนี้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ขยายตัว เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่แม้ล่าสุดสหรัฐ-จีนจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีการนำเข้าจาก 10% เป็น 25% ไปอีก 90 วัน แต่ปัญหาดังกล่าวยังไม่จบลงง่ายๆ และคาดว่าจะส่งผลกระทบทั่วโลกมากขึ้นในปีหน้า

“สิ่งที่กระทรวงการคลังมองเศรษฐกิจปีหน้า โดยรวมเติบโตเกินกว่า 4% แต่จะน้อยกว่าปีนี้ เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์การคลังมองว่า เป็นผลจากสงครามการค้าที่จะมีมากขึ้น ทำให้ตลาดโลกไม่ดี”

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และส่งเสริมด้านงานวิจัย รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยรัฐบาลพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น สิ่งที่ดำเนินไปคือ การสร้างพื้นฐานเพื่อการต่อยอดในอนาคต ซึ่งทุกคนต้องรู้จักปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีและทิศทางของโลกที่เปลี่ยนแปลงด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามและหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการดึงเงินกลับเข้าประเทศ ดังนั้น สิ่งที่จะตามมาคือเงินไหลกลับสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลกได้ แต่ประเทศไทยยังมีการบริหารจัดการได้ดี อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ยังมีทุนสำรองในระดับสูง ประกอบกับเงินทุนยังคงไหลเข้ามา จึงทำให้ไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่น แต่คาดว่าในปี 2562 อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ด้านนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า สำนักงบประมาณจะเสนอแนวทางการจัดทำงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ จ.หนองคาย (ครม.สัญจร) วันนี้ (13 ธ.ค.) ซึ่งแนวทางที่จะออกมานี้จะมีความต่อเนื่อง จากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ และเร่งรัดการเบิกจ่ายในปีที่ผ่านๆมา ส่วนแนวทางการจัดทำงบประมาณที่ออกมานี้ก็เนื่องมาจากงบประมาณปี 2562 มีผลบังคับใช้ไปแล้ว แต่แผนแม่บทตามยุทธศาสตร์ชาติยังไม่ออกมา ทำให้มีโครงการบางส่วนที่ได้รับงบประมาณปี 2562 ไปแล้วและโครงการใหม่ต้องปรับแผนให้สอดคล้องแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ

ทั้งนี้ หลังแนวทางการทำงบประมาณออกมาชัดเจนจะทำให้ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2562 ดีขึ้น เพราะขณะนี้มีบางโครงการที่เบิกจ่ายไป 50% แล้วรอดูความชัดเจนของแผนแม่บท และแผนปฏิบัติการก่อนว่าจะต้องมีการปรับแผนงานสอดรับหรือไม่ เมื่อชัดแล้วก็จะเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น แต่เฉพาะไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.-ธ.ค.2561) งบลงทุนจะเบิกจ่ายได้ 20% ขณะที่งบประมาณโดยรวมเบิกจ่าย 30%
ทั้งนี้ ในปี 2562 สำนักงบประมาณตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณ 100% เป็นเป้าหมายสูงที่สุดแบบไม่เคยตั้งมาก่อน ซึ่งทุกส่วนราชการรับทราบแนวทางนี้แล้วว่า การเสนอของบประมาณเข้ามาจะต้องเบิกจ่ายให้ได้ทั้งหมด โดยผลการเบิกจ่ายในปี 2561 และปี 2562 จะมีผลต่อการจัดสรรงบประมาณในปี 2563 ที่ต้องมีเกณฑ์นี้ก็เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีประสิทธิภาพต่อเศรษฐกิจมากที่สุด

“ต้องทำให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าหน่วยงานของบประมาณไปแล้วไม่มีการใช้จ่ายก็เป็นการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ เช่น ปี 2562 งบประมาณรายจ่ายรวม 3 ล้านล้านบาท ถ้าเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าไป 10% ก็คือ 300,000 ล้านบาท ที่เศรษฐกิจจะเสียโอกาสไป”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ